หลายธนาคารแนะวิธี 'ตั้งวงเงินบัตรเดบิต' ป้องกันบัญชีถูกแฮกดูดเงินซื้อของออนไลน์
หลายธนาคารเปิดวิธีการตั้งบัญชีผูกบัตรเดบิตให้วงเงินเป็น 0 บาท ป้องกันมิจฉาชีพแฮกดูดเงินซื้อของออนไลน์
วันนี้ ( 19 ต.ค. 64 ) จากกรณีผู้ใช้บริการถูกโอนเงินจากบัญชีติดต่อกันหลายรายการจนในขณะนี้มีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก จนมีการตั้งกลุ่ม แชร์ประสบการณ์โดนหักเงินจากบัญชีไม่รู้ตัว ซึ่งในขณะนี้มีสมาชิกที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าวแล้วเกือบ 1 แสนราย ในกลุ่มยังมีการพูดคุยถึงวิธีการป้องกันการถูกดูดเงินจากบัญชีด้วยวิธีการต่างๆ ซึ่ง 1 ในนั้นคือการตั้งบัญชีบัตรเดบิต หรือ บัตรเครดิตให้เหลือ 0 บาท
ล่าสุดหลายธนาคารผู้ใช้บริการได้ออกมาประชาสัมพันธ์วิธีการตั้งบัญชีให้เหลือ 0 บาท เพื่อป้องกันการถูกดูดเงินโดยมีรายละเอียดดังนี้
1.ธนาคารกสิกรไทย
เพื่อเป็นการป้องกันกลุ่มมิจฉาชีพนำ ข้อมูลบัตรเดบิตไปซื้อสินค้า onlineโดยปรับวงเงินสำหรับรูดซื้อสินค้าของบัตรเดบิตที่ท่านผูกบัญชีไว้ เป็น 0 บาท หากยังไม่มีความต้องการจะซื้อสินค้า และปรับเพิ่ม-ลด ได้เองตามที่ท่านต้องการได้ตลอดเวลา ผ่านบริการ K PLUS ไปที่รายการ “บัตรเดบิต” เลือก “บัตรเดบิตของฉัน” ทำการกำหนดปรับวงเงินได้ทันที
2.ธนาคารไทยพาณิชย์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้งานบัตรเครดิต หรือเดบิต มีคำแนะนำมาฝากกันค่ะ ทั้งหมดนี้ สามารถทําด้วยตัวคุณเองง่ายๆ ผ่าน SCB EASY App นะคะ
1. หากพบความผิดปกติในการทําธุรกรรม สามารถระงับการใช้งานบัตรชั่วคราวได้เลยทันที ตามขั้นตอนดังนี้
- เลือกเมนู “บัญชีของฉัน”
- เลือกบัตรที่ต้องการ
- เลือก “บริการอื่นๆ” และกดเปิดปุ่ม ระงับการใช้บัตรชั่วคราว
- กด “ระงับบัตร” เพื่อยืนยันการ ทำการล็อคบัตรชั่วคราว
- ล็อคบัตรชั่วคราวสำเร็จ
เมื่อทำการล็อคบัตรชั่วคราวสำเร็จแล้ว บัตรของคุณจะไม่สามารถใช้งานได้ชั่วคราว จนกว่าจะยกเลิกรายการดังกล่าว ก็กลับมาใช้ได้ดังเดิม
*หมายเหตุ กรณีล็อคบัตรเดบิตชั่วคราว 1 ปี จะเป็นการปิดบัตรเดบิตถาวร*
2. หากต้องการเปลี่ยนแปลงวงเงินสำหรับถอนเงินสดและชำระสินค้าผ่าน SCB EASY App
การเปลี่ยนแปลงวงเงิน สามารถทำได้ทั้งเปลี่ยนแปลงวงเงินบัตรสำหรับถอนเงินสด (บัตรเดบิต) และ วงเงินสำหรับชำระสินค้า (บัตรเดบิต/บัตรเครดิต) บน SCB EASY App ดังนี้
- เลือกเมนู “บัญชีของฉัน”
- เลือก บัตรเดบิตและบัตรเอทีเอ็มของฉัน
- เลือกเมนู “บริการอื่นๆ” และเลือก “เปลี่ยนแปลงวงเงินบัตร
- เลือกเพิ่ม/ลด “วงเงินบัตรสำหรับถอนเงินสด” หรือ “วงเงินบัตรสำหรับชำระสินค้า และกด ”เสร็จ
- ตรวจสอบข้อมูล ระบบจะแสดงวงเงินใหม่
การเปลี่ยนแปลงวงเงินบัตร จะทำให้วงเงินสูงสุดใช้งานถูกจำกัดด้วยวงเงินที่ตั้งไว้ เป็นวิธีการลดความรุนแรงหากเกิดความเสียหายในการทำธุรกรรมอีกวิธีหนึ่ง
3. หากต้องการให้แจ้งเตือนยอดการใช้จ่าย และการใช้บัตรผ่าน SCB Connect
SCB Connect เป็นบริการบน LINE ที่สามารถแจ้งเตือนยอดใช้บริการผ่านบัญชี และบัตรได้ทุกประเภท สามารถสมัครใช้บริการได้ฟรี! ตามขั้นตอนดังนี้
3.1 สำหรับลูกค้าที่มี SCB EASY App
- เลือก “ยืนยันตัวตนด้วย SCB EASY”
- ระบุ PIN ของ SCB EASY
- เลือกผลิตภัณฑ์ SCB ของท่านเพื่อรับบริการ เช่น บัญชีออมทรัพย์ บัญชีเดินสะพัด บัตรเครดิต สินเชื่อหมุนเวียนหรือสินเชื่อ แล้วกดยืนยัน
3.2 สำหรับลูกค้าที่ไม่มี SCB EASY App
- เปิดแอปพลิเคชัน LINE บนสมาร์ทโฟน ค้นหา “@SCB Connect” ใน Friend Search และทำการ “เพิ่มเพื่อน”
- กรอกเลขบัตรประจำตัวประชาชน หรือ หนังสือเดินทาง ซึ่งข้อมูลนี้ธนาคารจะใช้ตรวจสอบว่าลูกค้าเป็นลูกค้าธนาคารหรือไม่ ในกรณีที่ไม่ใช่ลูกค้าธนาคาร ระบบจะแสดงหน้าจอบริการทั่วไป สามารถใช้งานได้ทันที
- ยืนยันตัวตนโดยใส่เบอร์โทรศัพท์ที่ให้ไว้กับธนาคาร จากนั้นธนาคารจะส่งรหัส OTP เพื่อให้ลูกค้ายืนยันตัวตนอีกครั้ง
- เลือกบัญชีที่ต้องการเพื่อรับการแจ้งเตือนทุกความเคลื่อนไหว ฟรี!
ทั้งนี้ หากพบความผิดปกติในการใช้งาน หรือมีข้อสงสัยต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่
1. SCB Call Center 02-777-7777
2. Facebook inbox SCB Thailand >> https://m.me/scb.thailand โดยพิมพ์คำว่า "ติดต่อเจ้าหน้าที่" เลือกเรื่อง เช่น ด้านอื่นๆ เพื่อแชทกับเจ้าหน้าที่โดยตรง
3. E-mail : [email protected]
*เพื่อความปลอดภัยในการรักษาข้อมูลส่วนตัว กรณีต้องการสอบถามปัญหาการใช้งาน กรุณาส่งรายละเอียดส่วนตัว ผ่าน inbox เท่านั้น โดยไม่โพสต์ข้อมูลส่วนตัว เช่น เลขที่บัตร เลขที่บัญชี เบอร์ติดต่อ อีเมล ในคอมเม้นต์ใต้โพสต์ หรือแชร์ข้อมูลในพื้นที่สาธารณะเด็ดขาด
3. ธนาคารธนชาตทหารไทย
เพิ่มความมั่นใจเมื่อใช้บัตรเดบิต ทีทีบีควบคุมการใช้งานบัตรได้ง่าย ๆ ด้วยตนเองผ่านแอป ttb touch กรณีลูกค้าพบรายการชำระเงินออนไลน์ผ่านบัตรเดบิต หรือ บัญชีโดยที่ไม่ได้ทำธุรกรรมด้วยตนเอง กรุณาแจ้งธนาคารเพื่อตรวจสอบทันทีที่ ttb contact center 1428หากพบรายการผิดปกติ ธนาคารพร้อมคืนเงินให้กับลูกค้าทุกราย
วิธีตั้งค่าเปิด/ปิดการใช้จ่ายต่างประเทศและออนไลน์
https://www.ttbbank.com/.../app/online-shopping-usage.php
วิธีปรับลด/เพิ่มวงเงินการใช้งานบัตรต่อวัน
https://www.ttbbank.com/.../determine-usage-debit-card.php
ปิดการแจ้งเตือนผ่านแอป ttb touch
https://www.ttbbank.com/.../howto/app/push-notification.php
4. ธนาคารกรุงไทย
บัตรเดบิตกรุงไทย มั่นใจทุกการใช้จ่าย เพิ่มความปลอดภัยด้วยวิธีง่ายๆ
1. เลือกเปิด/ปิด การใช้งานชั่วคราว ผ่าน Krungthai NEXT
2. ปรับลด/เพิ่มวงเงิน ในการใช้บัตรต่อวัน ผ่าน Krungthai Contact Center 02 111 1111 หรือธนาคารกรุงไทยทุกสาขา
3. แจ้งเตือนเงินเข้า-เงินออก ผ่าน LINE Krungthai Connext
กรณีลูกค้าพบรายการชำระเงินออนไลน์ ผ่านบัตรเดบิตกรุงไทยโดยไม่ได้ทำธุรกรรมด้วยตนเอง กรุณาแจ้งธนาคารเพื่อตรวจสอบทันที ที่ Krungthai Contact Center 02 111 1111 หรือธนาคารกรุงไทยทุกสาขา
สำหรับสาเหตุที่ผู้ใช้บริการถูกหักเงินจากบัญชีธนาคารเป็นจำนวนหลายรายการนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมธนาคารไทย ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า มิได้เกิดจากการรั่วไหลของข้อมูลจากธนาคาร แต่เป็นรายการที่เกิดจากการทำธุรกรรมชำระค่าสินค้าและบริการกับร้านค้าออนไลน์ที่จดทะเบียนในต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ และไม่ใช่ แอปดูดเงิน ตามที่ปรากฏเป็นข่าว
ขณะนี้ธนาคารเจ้าของบัตรได้ดำเนินการระงับการใช้บัตรของลูกค้า ที่มีรายการผิดปกติ และติดต่อลูกค้า รวมทั้งอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบร้านค้าที่มีธุรกรรมที่ผิดปกติเหล่านี้
นอกจากนี้ ลูกค้าที่ตรวจสอบพบความผิดปกติของรายการธุรกรรมด้วยตนเอง สามารถติดต่อคอลเซ็นเตอร์หรือสาขาของธนาคารผู้ออกบัตร เพื่อแจ้งตรวจสอบและยืนยันการทำธุรกรรมในทันที โดยธนาคารจะดูแลแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และเร่งคืนเงินให้กับลูกค้าที่ได้รับความเสียหายตามขั้นตอนของธนาคารโดยเร็วต่อไป
ขณะที่พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แนะนำให้ ผู้เสียหายแจ้งไปยังธนาคาร เพื่ออายัดบัตรและปฎิเสธการชำระเงินค่าบริการทางออนไลน์ และตรวจสอบรายการเดินบัญชี รวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้อง โดยสามารถเดินทางไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวนในทุกพื้นที่ใกล้บ้าน เพื่อสืบสวนสอบสวนพิสูจน์ทราบถึงตัวผู้กระทำความผิดและนำตัวมาดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
พร้อมแนะนำแนวทางการป้องกัน กรณีที่คนร้ายได้ข้อมูลที่อยู่ด้านหน้าบัตร และตัวเลขรหัส 3 ตัวที่อยู่ด้านหลังบัตร คนร้ายจึงสามารถนำไปใช้ทำธุรกรรมผ่านทางออนไลน์ที่มีมูลค่าไม่สูงได้ โดยไม่ต้องใช้ OTP
ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมที่ไม่น่าเชื่อถือผ่านทางออนไลน์ ที่ต้องแจ้งข้อมูลด้านหน้าบัตรและรหัส 3 ตัวที่อยู่ด้านหลังบัตร หากต้องการเข้าไปที่เว็บไซต์ใด ขอให้พิมพ์ชื่อเว็บด้วยตัวเองเพื่อป้องกันเข้าไปสู่เว็บไซต์ปลอมที่มีความแนบเนียนมาก
นอกจากนี้ยังประชาชน ควรนำแผ่นสติ๊กเกอร์ทึบแสงปิดรหัส 3 ตัวด้านหลังบัตร หรือจดรหัส 3 ตัวดังกล่าวเก็บไว้ แล้วใช้กระดาษทรายลบตัวเลขรหัสดังกล่าวออกจากด้านหลังบัตร เพื่อความปลอดภัยในการใช้จ่ายประจำวัน และป้องกันมิจฉาชีพ มิให้แอบถ่ายรูปด้านหน้าและหลังบัตรเพื่อนำไปใช้จ่ายในโลกออนไลน์
ภาพจาก : AFP