หุ้นเด่นวันนี้ ! โบรกสแกน 11 หุ้นกำไรโต-อิงเศรษฐกิจโลก
โบรกมองกรอบบนของดัชนีถูกจำกัดบริเวณ 1,600 จุด ภาพรวมดาวน์ไซด์หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯเร่งตัว กระตุ้นแรงขายกลุ่ม Tech ของสหรัฐเมื่อคืน จับตาการแพร่ระบาดในประเทศ ชี้ SETหลุด 1,578 จุดเป็นสัญญาณลบ ชูหุ้นกำไรโตเด่น-อิงเศรษฐกิจโลก
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดแกว่ง Sideways จับตาการประกาศงบไตรมาส 1/64 กรอบแนวรับ 1,580 จุด และแนวต้าน 1,600 จุด เน้นหุ้นแนวโน้มกำไรระยะกลางดี โดยหุ้นเด่นวันนี้ APP เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 4.9 บาท คาดกำไรปี 64 ฟื้นตัวแบบ V-shapeสู่ระดับ 60 ล้านบท (+30%YoY) จากลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์โลกฟื้นตัวแกร่ง,สินค้าเจาะตลาดได้เพิ่ม, ได้งานภาครัฐฯมากขึ้น โดยสำหรับกำไร 1Q64 คาดจะเป็นจุดต่ำสุดของปี และเร่งตัวขึ้น ซึ่งจะเป็นจุดเหมาะสมสุด
หุ้นเด่นวันนี้ถัดมาคือ ASK (upgrade) เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 45 บาท รายงานกำไร 1Q64 ที่ 276 ล้านบาท +38% YOY, +25%QOQ จากการเพิ่มขึ้นของรายได้นายหน้าประกันภัยที่ +59%YoY คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้นจากต้นทุนสินเชื่อและอิตราส่วนNPL ลดลง ปรับเป้าหมายขึ้นเป็น 45บาท บนฐาน PER ปี 65 ที่ 15 เท่า,ROE 17% และ PBV 2.4 เท่า
รายงานข่าวจากบล.ไทยพาณิชย์แจ้งว่า แม้ดัชนีจะได้แรงหนุนจากหุ้น DELTA แต่มองกรอบบนของดัชนีจะถูกจำกัดบริเวณ 1,600 จุด และภาพรวมมี downside ด้วยปัจจัยเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น กระตุ้นแรงขายกลุ่ม Tech ของสหรัฐเมื่อคืน และการแพร่ระบาดในประเทศ ทั้งนี้ หาก SET หลุดแนวรับบริเวณ 1,578 จุด จะเป็นสัญญาณลบ และมีแนวรับถัดไปที่ 1,572 และ 1,566 จุด ตามลำดับ กลยุทธ์ พอร์ตลงทุนรอเข้าซื้อเฟสแรก 25% แถว 1,500 จุด
ส่วนการลงทุนในหุ้น 3 theme ที่คาดจะ outperform 1. earnings play แนวโน้มกำไรโตเด่น หุ้น big cap MTC, SAWAD, OSP ,PTTGC, IRPC หุ้น mid-small cap TWPC ,WICE ,NER ,SFT CPW, NYT 2. defensive play กลุ่มสื่อสาร ADVANC การแพทย์ RJH, EKH, LH หุ้น EV/clean energy EA ,GULF, BGRIM 3. global play SCC, PTT, PTTEP 4. global reopening play TU ,CPF
หุ้นเด่นวันนี้ แนะนำ TU (ราคาเป้าหมาย 19.00 บาท) กำไร 1Q64 ดีกว่าคาด ส่วน 2Q64 คาดกำไรโตทั้ง YoY และ QoQ เราปรับเพิ่มประมาณการฯ ปี 64-65 ขึ้น และแนะนำ CPF (ราคาเป้าหมาย 38.00 บาท) คาดกำไร 1Q64 โตทั้ง YoY และ QoQ หนุนจากธุรกิจสัตว์บกในประเทศไทยและเวียดนามที่ปรับตัวดีขึ้น
รายงานข่าวจากบล.เอเซียพลัสชู 3 หุ้นเด่นนำโดย SAT (FV @ 24.00) คาด 1Q64 มีกำไรปกติ 290 ล้านบาท เติบโต 50% YoY (+21% QoQ) โดยคาดยอดขายเติบโต 20% YoY หนุนด้วยออเดอร์ใหม่จากสหรัฐฯ ตั้งแต่ ธ.ค. 63 กอปรกับชิ้นส่วนเครื่องจักรกลการเกษตร (สัดส่วน 20% ของยอดขาย) สูงขึ้นราว 20% yoy ฝ่ายวิจัยฯจึงปรับเพิ่มกำไรปกติปี 2564 – 65 เฉลี่ย 18% มาอยู่ที่ 820 ล้านบาท (+121% yoy) และ 897 ล้านบาท (+9.3% yoy) เนื่องจากมีออเดอร์ใหม่ปี 2564 จากสหรัฐฯ ราว 250 ล้านบาทและปี 2565 จากผู้ผลิตชิ้นส่วนในไทยเพิ่มอีกราว 330 ล้านบาท ได้ FV ปี 2564 ที่ 24 บาท (เดิม 19.6 บาท)
หุ้นเด่นวันนี้ถัดมา SCCC (FV @ 208.00) คาดกำไรสุทธิปี 2564 อยู่ที่ 3.4 พันล้านบาท โดยคาดหวัง Demand ปูนซีเมนต์จะกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้งหลังมีสัญญาณที่ดีของวัคซีนป้องกัน COVID-19 นับจากนี้ และหลายประเทศเร่งนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน นอกจากนี้ปัญหาการออกใบอนุญาตก่อสร้างในนครโฮจิมินส์ซิตี้เริ่มผ่อนคลายลง และโมเมนตัมการใช้ปูนซีเมนต์ในศรีลังกาที่ขยายตัวต่อเนื่องหลังการเลือกตั้งในปี 2562 เสร็จสิ้น ซึ่งถือว่าดีต่อผลประกอบการ SCCC ในปีนี้
หุ้นเด่นปิดท้าย NER (FV @ 7.50) ราคายางแผ่นยังคงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการใช้สูงขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ถือเป็นผลบวกต่อธุรกิจยางพาราอย่าง NER ที่คาดกำไรสุทธิงวด 1Q64 เท่ากับ 312 ล้านบาท +421.7% yoy และ คาดกำไรสุทธิปี 2564-65 จะเพิ่มขึ้นถึง 47.5% yoy และ 13.3% yoy นอกจากนี้ ยังสามารถคาดหวัง Dividend yield ได้กว่า 5% ต่อปี
รายงานข่าวจากบล.หยวนต้าแจ้งว่า แนวโน้มระยะกลางของ SET INDEX เป็นการแกว่งตัวออกข้างในกรอบ 1,550-1,600 จุด เมื่อมีทั้งปัจจัยบวก (ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ขาขึ้น) และปัจจัยลบ (สถานการณ์ COVID-19 ในประเทศ) ขณะที่ภาพระยะสั้น ประเมินกรอบการเคลื่อนไหววันนี้ 1,580-1,595 จุด ชวงเช้ามืดวันพรุ่งนี้ (12 พ.ค.) ตามเวลาประเทศไทย MSCI จะประกาศรายชื่อหุ้นเข้า-ออกดัชนี โดยตลาดคาดว่า หุ้น SCGP จะได้รับคัดเลือกเข้าในรอบนี้ แต่อาจมีแรงขาย Sell on Fact เข้ามาหลังการประกาศรายชื่อ เพราะราคาหุ้น SCGP ปรับตัวขึ้นเด่นกว่า SET INDEX มาตลอดในช่วง 1 เดือนก่อนหน้านี้แล้ว
ส่วนหุ้นเด่นวันนี้มี 4 ตัว นำโดย BCP ราคาเป้าหมาย 28 บาท รายงานงบ 1Q64 วันนี้ คาดกำไรสุทธิที่ 1.86 พันลบ. พลิกกลับจากขาดทุน YoY และเร่งตัวขึ้น +640% QoQ ขณะที่กำไรปกติคาดที่ 545 ลบ. พลิกกลับจากขาดทุนทั้ง YoY และ QoQ แนวโน้มกำไรปกติ 2Q64 คาดดีขึ้น QoQ เนื่องจากเสร็จสิ้นการปิดซ่อมบำรุงและยกระดับโครงกลั่นภายใต้โครงการ 3E แล้วระหว่างวันที่ 15 ก.พ. – 25 มี.ค.ที่ผ่านมา จะเริ่มรับรู้ประโยชน์ตั้งแต่ 2Q64 เป็นต้นไป ขณะที่การทยอยเปิดประเทศทั้งในสหรัฐฯ และยุโรป จะส่งผลบวกต่อค่าการกลั่นให้ทั่วโลกเริ่มฟื้นตัว และเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มโรงกลั่นใน 2H64
ตามติดด้วยหุ้น III สะสมราคาเป้าหมาย 8 บาท เราคาดบริษัทจะรายงานงบ 1Q64 วันนี้ คาดกำไร 1Q64 เติบโตเด่นราว 1 เท่าตัว YoY เป็น 45-50 ลบ. จากแรงหนุนของ Pent-up Demand หลังสถานการณ์ COVID ทั่วโลกดีขึ้น เราคาดกำไรปี 2564 เติบโต +35% YoY เป็น 176 ลบ. และเร่งตัวขึ้น +43% YoY เป็น 252 ลบ. ในปี 2565 ราคา ณ ปัจจุบันซื้อขายที่ PER2564 ระดับ 25 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของหุ้นกลุ่มขนส่งที่เป็น Global Peer ที่ซื้อขายสูงถึง 38 เท่า
ส่วนหุ้นเด่นวันนี้อีกตัวที่น่าสนใจคือ PRM ราคาเป้าหมาย 8.15 บาท ราคาหุ้น Laggard กลุ่มเรือมากเกินไป ทั้งที่ผลประกอบการมีความต่อเนื่องที่สุดในกลุ่ม โดยถ้านับตั้งแต่ ม.ค. 63 ที่เป็นช่วงก่อน COVID-19 ระบาด ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นเพียง 8% เทียบกับค่าเฉลี่ยกลุ่มเรือที่ขึ้น 309% ส่วนแนวโน้มกำไร 1Q64 เราคาดว่าจะโต YoY เช่นเดียวกับเรือประเภทอื่น ระยะสั้นเรือขนน้ำมันเริ่มได้แรงหนุนจากประเด็นการแฮกท่อขนส่งน้ำมัน และอุปทานของกลุ่ม OPEC+ ที่ทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้น ราคาปัจจุบันซื้อขายบน PER2564 เพียง 12 เท่า และ PBV เพียง 2 เท่า (ค่าเฉลี่ยกลุ่มเรือ 2.5 เท่า)
หุ้นเด่นวันนี้ปิดท้ายที่ ASIAN ภาพทางเทคนิค แนวต้าน 16.50 บาท แนวรับ 15.50 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 14.80 บาทแนวโน้มธุรกิจส่งออกอาหารมีทิศทางเติบโตใน 2H64 จากการเปิดประเทศของสหรัฐฯ และยุโรป นอกจากนั้น บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาธุรกิจ Plant Based เพื่อต่อยอดธุรกิจที่มีอัตรากำไรสูง