TNN ดาวโจนส์ ปิดบวก 19.80 จุด Nasdaq ดิ่งหนัก นลท.แห่เทขายหุ้นเทคโนฯ

TNN

Wealth

ดาวโจนส์ ปิดบวก 19.80 จุด Nasdaq ดิ่งหนัก นลท.แห่เทขายหุ้นเทคโนฯ

ดาวโจนส์ ปิดบวก 19.80 จุด Nasdaq ดิ่งหนัก นลท.แห่เทขายหุ้นเทคโนฯ

ดาวโจนส์ ปิดที่ 34,133.03 จุด เพิ่มขึ้น 19.80 จุด ขณะที่ ดัชนี Nasdaq ดิ่งลงกว่า 1.8% เนื่องนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย

วันนี้ (5 พ.ค.64) ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดบวกเพียงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (4 พ.ค.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ดิ่งลงกว่า 1.8% เนื่องนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐกล่าวแสดงความเห็นว่า อัตราดอกเบี้ยอาจจำเป็นต้องปรับเพิ่มขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจสหรัฐร้อนแรงเกินไป ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนเม.ย.

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรม ดาวโจนส์ ปิดที่ 34,133.03 จุด เพิ่มขึ้น 19.80 จุด หรือ +0.06%

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,164.66 จุด ลดลง 28.00 จุด หรือ -0.67%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,633.50 จุด ลดลง 261.62 จุด หรือ -1.88%

หุ้น 6 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวลง นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 1.89% โดยหุ้นแอปเปิล ดิ่งลง 3.54% หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 1.31%  หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 1.62% หุ้นอัลฟาเบท ปรับตัวลง 1.55% หุ้นแอมะซอน ร่วงลง 2.2%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ร่วงลงและได้ฉุดดัชนี Nasdaq ดิ่งลงอย่างหนัก หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ เปิดเผยในงานสัมมนาของนิตยสารดิแอตแลนติกว่า อัตราดอกเบี้ยอาจจำเป็นต้องปรับเพิ่มขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจสหรัฐร้อนแรงเกินไป อันเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ อย่างไรก็ดี นางเยลเลนมองว่า แม้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจทำให้เศรษฐกิจร้อนแรงเกินไป แต่สหรัฐจำเป็นต้องมีมาตรการเหล่านี้เพื่อให้แข่งขันกับประเทศอื่นๆได้

ดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุและดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคาร ดีดตัวขึ้น 1% และ 0.7% ตามลำดับ เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อวัฏจักร (Cyclical Stocks) หรือหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอร์แรน พุ่งขึ้น 1.34% หุ้นอัลโค คอร์ป ทะยานขึ้น 3.88% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดีดขึ้น 1.08% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก บวก 0.59% หุ้นเจพีมอร์แกน พุ่งขึ้น 1.38%

หุ้นไฟเซอร์ ปรับตัวขึ้น 0.3% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 0.93 ดอลลาร์ในไตรมาส 1 ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 0.76 ดอลลาร์ ส่วนรายได้จากการขายวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ไฟเซอร์พัฒนาขึ้นร่วมกับบิออนเทคนั้นอยู่ที่ 3.5 พันล้านดอลลาร์ มากกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.2 พันล้านดอลลาร์ โดยรายได้จากวัคซีนคิดเป็นสัดส่วนราว 24% ของรายได้ทั้งหมดในไตรมาสแรกของปีนี้

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 5.8 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.1% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน แตะที่ 5.129 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนมี.ค. แต่น้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.3%

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า สหรัฐขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น 5.6% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 7.44 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการในสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นจนทำให้ต้องนำเข้าเพิ่มขึ้น

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนเม.ย.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนเม.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนเม.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนเม.ย.

ข่าวแนะนำ