บาทอ่อนรั้งอันดับ 6 เกาะกลุ่มภูมิภาค

ค่าเงินบาทอ่อนรั้งอันดับ6 เคลื่อนไหวเกาะกลุ่มภูมิภาค แนวโน้มสัปดาห์เคลื่อนไหวในกรอบ29.95-30 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

น.ส. รุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมธุรกิจและกำกับดูแลโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทในสัปดาห์ที่ผ่านมาอ่อนค่าแตะระดับ 30.12 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการอ่อนค่าสุดในรอบ 2 สัปดาห์นับตั้งแต่กลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา

ส่วนค่าเงินบาทในสัปดาห์หน้าคาดว่าจะเคลื่อนไหวที่กรอบ 29.95-30 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยแนวโน้มแข็งค่า หลังจากที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 49,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 50,000 ตำแหน่ง

ส่วนสกุลเงินยุโรและเยนที่ผ่านมาอ่อนค่าลง

ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นเป็นผลมาจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ ปรับตัวดีขึ้น ส่วนบอนด์ยิลด์ หรือผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐ อายุ 10 ปี อยู่ที่ 1.1 4% จากเดือนอยู่ที่ 1.0 9% นอกจากนี้ตลาดกังวลในเรื่องของการกระจายวัคซีนโดยเฉพาะในยุโรปที่ยังไม่ครอบคลุมแต่ผู้ติดเชื้อยังระบาดต่อเนื่อง

สำหรับการเคลื่อนไหวของสกุลเงินในภูมิภาค ตั้งแต่วันที่ 1 - 4 ก.พ. ที่ผ่านมาพบว่า ส่วนใหญ่อ่อนค่า ริงกิต-มาเลเซียอ่อนค่าสุด 0.85% รองลงมาคือ เยน-ญี่ปุ่น 0.81 % หยวน-จีน 0.74% ดอลลาร์-สิงคโปร์ 0.72 % วอน-เกาหลีใต้ 0.7% บาท-ไทย 0.64% รูปเปียห์-อินโดนีเซีย 0.12% เปโซ-ฟิลิปปินส์ 0.02% รูปี-อินเดีย 0.01% ยกเว้นดอลลาร์-ไต้หวันแข็งค่า 0.9%

ทั้งนี้ค่าเงินบาทของไทยเคลื่อนไหวเกาะกลุ่มไม่ได้มีความได้เปรียบหรือเสียเปรียบทางด้านการแข่งขันทางการค้า อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมาต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิ 9,200 ล้านบาท และซื้อพันธบัตรสุทธิ 4,400 ล้านบาท โดยภาพรวมแล้วยังขายสุทธิมากกว่าซื้อสุทธิ ซึ่งปัจจัยที่ติดตามคือกระจายการวัคซีนทั่วโลก และการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจ ของสหรัฐฯ

นอกจากนี้ในสัปดาห์หน้าจะเป็นช่วงเข้าสู่เทศกาลตรุษจีนตลาดอาจจะเงียบเหงา เนื่องจากเข้าสู่โหมดวันหยุดของประเทศสิงคโปร์ จีน ไทย และฮ่องกง ส่วนผลกระทบ covid-19 เริ่มจะมีข้อจำกัด ซึ่งที่ผ่านมาแต่ละประเทศก็มีมาตรการเข้ามาเยียวยา ประคับประคองเศรษฐกิจให้ฝ่าวิกฤติช่วงโควิดให้ผ่านพ้นไปให้ได้ ดังนั้นจะเห็นหลายประเทศใช้มาตรการการคลังพยุงเศรษฐกิจ แทนการใช้นโยบายทางการเงิน

อย่างไรก็ตามในอนาคต หากทางการปรับลดวงเงินส่งเข้ากองทุนให้กับธนาคารพาณิชย์ จะช่วยลดต้นทุน ทางด้านเงินฝาก และส่งผ่านไปที่ดอกเบี้ยเงินกู้ โดยทำให้ธนาคารพาณิชย์สามารถที่ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับลูกค้าได้ ส่วนปัญหาในเมียนมา เชื่อว่ามีผลกระทบจำกัด เนื่องจากปริมาณการค้าขายหรือการทำธุรกรรมมีสัดส่วนที่น้อยมาก

เกาะติดข่าวที่นี่