อสังหาฯ ลุ้น New Normal หนุนแนวราบทั้งปีไม่ติดลบ

นายสุธรรม สุวรรณนภาศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท นัมเบอร์วันเฮ้าส์ซิ่ง ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยทั้งปี 2563 มั่นใจว่าจะติดลบ จากผลกระทบทางเศรษฐกิจ ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อสินทรัพย์ขนาดใหญ่อย่างที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะคอนโด ที่ได้รับผลกระทบแรง จากมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distancing เนื่องจากมีพื้นที่จำกัด และต้องใช้พื้นที่ร่วมกัน ดังนั้นความเชื่อมั่นจึงลดลง อาจทำให้คอนโดทั้งปีติดลบสูงถึง 40% ขณะที่แนวราบ ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ปีนี้ ยังเชื่อว่าจะมีความต้องการที่อยู่อาศัยจริงอยู่ และบางส่วนอาจเปลี่ยนความคิดเลือกซื้อคอนโด มาเป็นบ้านแนวราบ ทำให้ตั้งปีเชื่อว่าแนวราบไม่ติดลบ 

 

นอกจากนี้ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ยังต้องปรับตัวในธุรกิจอสังหาฯ แบบ New Normal ต้องรักษาสภาพคล่อง ด้วยการถือเงินสดในมือ ทำให้การเปิดโครงการโดยเฉพาะแนวสูงอาจถูกเลื่อนออกไปเป็นจำนวนมาก หากไม่สามารถรักษาสภาพคล่องเอาไว้ได้ เชื่อว่าจะมีผู้ประกอบการหลายรายล้มหายจากวิกฤตโควิด-19 นี้ จึงเสนอให้ภาครัฐ ออกมาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจ โดยเฉพาะภาคอสังหาฯ เช่น มาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอน และจดจำนอง ขยายจากบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทในปัจจุบัน เป็นราคาไม่เกิน 5 หรือ 7 ล้านบาท เพื่อให้ฐานลูกค้าระดับกลาง ช่วยพยุงตลาดอสังหาฯ และ ปลดล็อคมาตรการคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย หรือ LTV ชั่วคราว เนื่องจากปัจจุบันเชื่อว่า ไม่มีการเก็งกำไรในภาคอสังหาฯ โดยเฉพาะแนวราบ 

        

ส่วนมาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่ภาครัฐอนุมัติผ่อนปรน 90% นั้น มองว่ามีผลทางจิตวิทยา ไม่มีผลในการช่วยตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของประชาชนมากนัก สิ่งที่จะกระตุ้นการตัดสินใจได้มากนัก  

          

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 ที่ทำให้เกิดมาตรการรักษาระยะห่างระหว่างกัน น่าจะส่งผลให้อสังหาริมทรัพย์แนวราบได้รับอานิสงค์ดังกล่าว เชื่อว่าผู้บริโภคที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยหลังใหม่ น่าจะมองบ้านแนวราบเป็นทางเลือกมากขึ้น เนื่องจากราคาบ้านแนวราบเขตชานเมืองในปัจจุบันนั้นมีราคาที่ไม่สูงนัก เมื่อเทียบกับคอนโดใจกลางกรุง แต่ยังคงเดินทางเข้าออกเมืองได้อย่างสะดวก ทำให้บ้านแนวราบกำลังเป็นที่จับตามองในขณะนี้