TNN "โตโยต้า" เตรียดอัดเงินลงทุนในไทยกว่า 5.5 หมื่น ลบ.

TNN

Wealth

"โตโยต้า" เตรียดอัดเงินลงทุนในไทยกว่า 5.5 หมื่น ลบ.

โตโยต้า เตรียดอัดเงินลงทุนในไทยกว่า 5.5 หมื่น ลบ.

"โตโยต้า" เตรียดอัดเงินลงทุนในไทยกว่า 5.5 หมื่น ลบ. อัปเกรดสายการผลิตไปสู่รถไฮบริด

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับนายอากิโอะ โตโยดะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ในโอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงแนวทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ในไทย 


โดยเห็นพ้องถึงการจัดทำนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มตลาดผู้ใช้รถยนต์และลูกค้าในกลุ่มผู้ประกอบการ โดยเฉพาะการผลิตรถยนต์ประเภทไฮบริด (Hybrid) ซึ่งนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า รัฐบาลพร้อมอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ผลิตรถยนต์ และผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในประเทศ เพื่อรักษาอุตสาหกรรมยานยนต์ ในประเทศไทย


นายอากิโอะ ระบุว่า ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของโตโยต้า สำหรับกลุ่มรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ รวมไปถึงยานยนต์ประเภทอื่น ๆ ซึ่งบบริษัทฯเชื่อมั่นในชิ้นส่วนในการประกอบรถยนต์ ที่มีคุณภาพและมาตรฐานการผลิตร่วมกับไทย ที่ญี่ปุ่นให้การยอมรับในมาตรฐานเดียวกันกับโตโยต้า ประเทศญี่ปุ่น โดยยินดีที่จะร่วมมือกับรัฐบาลไทยในการส่งเสริมภาคการผลิตและการส่งออกอุตสาหกรรมยานยนต์ในไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง


ด้านนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า จากการหารือประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตโยต้าฯ และนายกรัฐมนตรี โตโยต้ายืนยันว่าจะรักษาฐานการผลิตรถยนต์ในประเทศไทย และจะมีนำเม็ดเงินมาการลงทุนไม่ต่ำกว่า 5.5 หมื่นล้านบาท เพื่ออัปเกรดสายการผลิตไปสู่รถไฮบริด ซึ่งจากเดิมที่เป็นฐานการผลิตของเครื่องยนต์สันดาปภายใน 


โดยมีการเพิ่มเติมในชิ้นส่วนไฟฟ้า เช่น มอเตอร์ เกียร์ ก็จะมีการลงทุนเพิ่ม ซึ่งจะมีการจ้างงาน และส่งต่อถ่ายทอดเทคโนโลยี มีการวิจัยและพัฒนาบุคลากรให้มีการเดินหน้าต่อ


"รัฐบาลได้ขอให้ทางบริษัทโตโยต้า เป็นทูตทางอุตสาหกรรมของกระทรวง ซึ่งจะเป็นตัวแทนของเราในการสื่อสาร เชื่อมโยงกับภาคเอกชน พร้อมกับย้ำว่า จะพยายามขับเคลื่อนอุตสาหกรรมให้ฟื้นกลับมา และดึงภาคเกษตรขึ้นมาด้วย ดันให้เศรษฐกิจของประเทศโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 1% นี้ถือเป็นความตั้งใจของตนที่ไม่ใช้เงินของประเทศแม้แต่บาทเดียว และไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน และสิ่งแวดล้อมด้วย"


ทั้งนี้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการลงทุน พร้อมให้ความเชื่อมั่นถึงการสนับสนุนภาคการผลิตของญี่ปุ่นในประเทศไทย ตลอดจนผู้ประกอบการไทยที่อยู่ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องและผู้ผลิตชิ้นส่วนภายในประเทศไทยให้สามารถแข่งขันและพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการใช้พลังงานสีเขียว

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง