ย้อนภาพรวมตลาดทองคำไตรมาส 2 ปี 67

ความต้องการทองคำผู้บริโภคของไทยไตรมาส 2 ปี 2567 เพิ่มขึ้น 20% อยู่ที่จำนวน 9 ตัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเพิ่มขึ้นสูงสุดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนความต้องการทองคำทั่วโลกเพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับปีก่อน อยู่ที่จำนวน 1,258 ตัน และถือเป็นไตรมาสที่ 2 ของปีที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่มีการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยได้รับแรงหนุนจากการซื้อขายนอกตลาดหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น 53%

.

เซาไก ฟาน (Shaokai Fan) หัวหน้าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมประเทศจีน) และหัวหน้าธนาคารกลางระดับโลกของสภาทองคำโลก กล่าวว่า ราคาทองคำพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสที่ 2 โดยมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 2,338 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และทำราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,427 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์

. 

ธนาคารกลางและสถาบันการเงินต่าง ๆ ได้เพิ่มการถือครองทองคำทั่วโลก 183 ตัน ซึ่งเป็นปริมาณที่ชะลอตัวลงหากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่คาดว่าสัดส่วนการถือครองทองคำของธนาคารกลางจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไปในอีก 12 เดือนข้างหน้า เนื่องจากความต้องการที่จะปกป้องรักษาและกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน

.

ทั้งนี้ปริมาณความต้องการทองคำเพื่อการลงทุนทั่วโลกเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 254 ตัน แต่ละตลาดมีทิศทางต่างกัน ประเทศไทยมีความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองคำเพื่อการลงทุนเติบโต 22% เป็น 7 ตัน เนื่องจากนักลงทุนใช้ทองคำรักษามูลค่าเงินทุนจากค่าเงินบาทอ่อนค่า 

.

แต่ระดับการลงทุนทองคำแท่งและเหรียญทองคำทั่วโลกกลับลดลง 5% เหลือ 261 ตันในไตรมาสที่ 2 จากความต้องการเหรียญทองคำลดลง แม้ความต้องการทองคำเพื่อการลงทุนของร้านค้าปลีกในเอเชียจะแข็งแกร่ง แต่ก็ลดลงจากความต้องการสุทธิที่ลดลงของยุโรปและอเมริกาเหนือที่มีการเทขายทำกำไรเพิ่มขึ้น 

.

กองทุน ETF ทองคำทั่วโลกในไตรมาสนี้ พบว่ากระแสการลงทุนมีทิศทางไหลออกเล็กน้อยเป็นจำนวน 7 ตันในไตรมาสนี้ แต่เอเชียยังคงเติบโตต่อเนื่อง ETF ทองคำในยุโรปไหลออกในเดือนเมษายนแต่ไหลเข้าในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน การไหลออกของการลงทุน ETF ในอเมริกาเหนือชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

. 

ราคาทองคำที่สูงเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสที่ 2 ส่งผลให้ความต้องการเครื่องประดับลดลง 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 แต่ความต้องการทองคำเครื่องประดับในประเทศไทยกลับเพิ่มขึ้น 12% จากปีที่ผ่านมาเป็นจำนวน 2 ตัน ขณะที่เวียดนามและอินโดนีเซียมีความต้องการลดลงในไตรมาสที่ 2 นี้ 

.

ภาพรวมในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ความต้องการทั่วโลกยังคงแข็งแกร่งหากเทียบช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากปริมาณความต้องการในไตรมาสที่ 1 ซึ่งแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้

.

ความต้องการทองคำในภาคเทคโนโลยียังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากการเติบโตของเทคโนโลยี AI ในภาคอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากการเติบโตที่ก้าวกระโดดของเทคโนโลยี AI ในภาคอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเพิ่มขึ้น 14% จากปีที่ผ่านมา

.

ยอดรวมของอุปทานทองคำเติบโตขึ้น 4% โดยสาเหตุหลักมาจากการผลิตทองคำของเหมืองแร่ที่เพิ่มขึ้น 929 ตัน ในขณะที่การรีไซเคิลทองคำได้เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2566 ซึ่งถือเป็นปริมาณสำหรับไตรมาสที่ 2 ของปีที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2555

.

ประเทศไทยสวนทางกับแนวโน้มโลก โดยความต้องการทองคำเครื่องประดับเพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากผู้บริโภคตอบสนองต่อการปรับตัวของราคาทองคำในช่วงกลางไตรมาส เมื่อเทียบกับปีที่แล้วอยู่ที่ระดับ 2 ตัน เนื่องจากผู้บริโภคตอบสนองต่อการปรับตัวของราคาทองคำในช่วงกลางไตรมาส และใช้จังหวะนั้นเป็นโอกาสในการเข้าซื้อก่อนที่ราคาจะกลับมาสู่ทิศทางขาขึ้นอีกครั้ง

.

การลงทุนในทองคำแท่งและเหรียญทองคำในไทยเติบโต 22% เมื่อเทียบกับปีก่อน ราคาทองคำที่พุ่งสูงเกิดจากความต้องการที่แข็งแกร่งของธนาคารกลางและการซื้อขายนอกตลาดหลักทรัพย์ ภาคการซื้อขายนอกตลาดหลักทรัพย์ยังคงมีความต้องการทองคำอย่างต่อเนื่องทั้งจากสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ รวมถึงสำนักงานดูแลสินทรัพย์ครอบครัว ปริมาณความต้องการเครื่องประดับได้ลดลงในไตรมาสที่ผ่านมาเนื่องจากราคาทองคำที่สูงอย่างต่อเนื่อง

.

นักลงทุนจากตะวันตกกลับมาสนใจทองคำอีกครั้งหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ ทำให้กระแสการลงทุนไหลเข้ากองทุน ETF ทองคำเพิ่มขึ้น การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของการลงทุนในกลุ่มนี้อาจเปลี่ยนแนวโน้มการเคลื่อนไหวของความต้องการทองคำในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 

.

สำหรับประเทศอินเดียการลดภาษีนำเข้าที่ได้ประกาศไม่นานมานี้ น่าจะสร้างเงื่อนไขเชิงบวกให้กับความต้องการทองคำ เนื่องจากราคาที่สูงได้ลดทอนการซื้อทองคำของผู้บริโภคก่อนหน้านี้