TNN ทองคำอาจปรับฐานระยะสั้น บริเวณ 2,360-2,370 ดอลลาร์

TNN

Wealth

ทองคำอาจปรับฐานระยะสั้น บริเวณ 2,360-2,370 ดอลลาร์

ทองคำอาจปรับฐานระยะสั้น บริเวณ 2,360-2,370 ดอลลาร์

ระยะสั้นคาดว่าราคาทองคำมีโอกาสปรับฐาน หลังจากที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นพุ่งแรงสู่ All-Time High ซึ่งอาจมีแรงเทขายทำกำไรนั่นเป็นเรื่องปกติ

หลังจากที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่องในสัปดาห์ก่อน ล่าสุดปรับตัวขึ้นกว่า 20.40% จากต้นปีที่ 2,483 ดอลลาร์ ถือว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All-Time High) ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ในประเทศปรับตัวขึ้นกว่า 25.26% จากต้นปี โดยราคาทองแท่ง 96.5% ได้ขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 42,150 บาท


ทั้งนี้ ราคาทองคำปรับตัวทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบนี้ จากธนาคารกลางสหรัฐมีสัญญาณชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ย รวมทั้งนักลงทุนอาจมีความกังวลเกี่ยวกับ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทั้งตลาดแรงงานที่เริ่มอ่อนแอลง และมีการปรับลดการจ้างงาน NFP เดือนเม.ย.และเดือนพ.ค.ที่ประกาศก่อนหน้านี้ลดลงด้วยกว่า 5 หมื่นตำแหน่ง เงินเฟ้อทั้ง Core PCE เริ่มชะลอตัวลง โดยเพิ่มขึ้น 2.6% หลังจากทรงตัวที่ 2.8% ติดต่อกัน 4 เดือน เงินเฟ้อ CPI ล่าสุดมีแนวโน้มชะลอตัวลงและต่ำกว่าคาด แนวโน้มการชะลอตัวลงของเงินเฟ้อ อาจทำให้เฟดพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยเร็วขึ้น ขณะที่สัญญาณจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายท่านต่างออกมาสนับสนุน การปรับลดดอกเบี้ยให้เร็วขึ้น ทำให้ตลาดคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยปีนี้ 3 ครั้ง จากเดิม 2 ครั้ง ซึ่งเราต้องไม่ลืมว่า การลดดอกเบี้ยนั้น เป็นสัญญาณว่า เศรษฐกิจกำลังชะลอตัว จึงจำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินหรือนโยบายการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนั้นการที่ธนาคารกลางสหรัฐระบุค่อนข้างชัดเจนว่าจะมีการลดดอกเบี้ย จึงตีความได้ว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจหรือภาวะเศรษฐกิจถดถอย กำลังจะกลับมาเป็นประเด็นกดดันการลงทุนในตลาดหุ้น และจะเป็นปัจจัยบวกสำหรับทองคำ


การลงทุนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวควรเป็นอย่างไร

ระยะสั้นคาดว่าราคาทองคำมีโอกาสปรับฐาน หลังจากที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นพุ่งแรงสู่ All-Time High ซึ่งอาจมีแรงเทขายทำกำไรนั่นเป็นเรื่องปกติ ทั้งนี้การลงทุนในระยะสั้นนั้น เราให้ความสำคัญกับเรื่องของวินัยในการลงทุน ซึ่งหมายถึง การเลือกตราสารที่เหมาะสม เราแนะนำว่าควรจะเป็น Gold Future เพราะใช้เงินน้อยกว่า แต่ที่สำคัญที่สุด ท่านต้องมีวินัยในการลงทุน นั่นคือการตั้งจุดตัดขาดทุนในกรณีที่ท่านเข้าผิดทาง 


ทฤษฎีทางเทคนิค ว่าเอาไว้ว่า การซื้อหรือขายตราสารใดๆ แล้วผิดทางนั้น ถ้าเราตั้งจุดขายตัดขาดทุนไม่ให้เกิดผลกระทบในพอร์ตการลงทุนมากเกินกว่าที่จะรับได้ เมื่อเทียบกับ การเข้าถูกทางเพียงครั้งเดียว แล้วสามารถ Run Trend ได้ จะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า หรืออธิบายง่ายๆว่า ซื้อขาย 10 ครั้งต่อให้ผิด 9 ครั้งแต่ท่านตั้งจุดขายตัดขาดทุนในกรณีที่ผิดทาง และเข้าถูกเพียงครั้งเดียว แต่สามารถรันเทรนได้ ก็จะสร้างผลกำไรให้กับพอร์ตการลงทุน ได้เป็นอย่างดี


นอกจากนี้ การสะสมเข้าซื้อทองคำแท่ง เราก็ยังคงแนะนำเช่นกันสำหรับการลงทุนที่มีความมั่นคงและปลอดภัยกว่า ซึ่งสามารถทยอยเข้าซื้อสะสมทองคำแท่งในช่วงที่ราคาทองคำปรับฐานหรือปรับตัวลง


ส่วนการลงทุนระยะกลางและระยะยาวนั้น เราค่อนข้างสบายใจที่จะแนะนำว่าให้ถือทองหรือใช้วิธีการทยอยซื้อ เพราะด้วยดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มเป็นขาลง รวมทั้งโอกาสที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยยังเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำในอนาคต หลายปีที่ผ่านมา ดอกเบี้ยเป็นขาขึ้นทองคำก็ยังให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ ทั้งนี้ดอกเบี้ยสหรัฐเริ่มกลับมาทิศทางขาลง ซึ่งอาจทำให้หนุนราคาทองคำเป็นขาขึ้นได้อีก จึงค่อนข้างสบายใจได้ในการลงทุนระยะกลางและระยะยาว 


ทองคำอาจปรับฐานระยะสั้น คาดเหนือบริเวณ 2,360-2,370 ดอลลาร์


Gold Bullish 

   ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ สงครามยูเครน-รัสเซีย สงครามอิสราเอล-ฮามาส

   ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำต่อเนื่อง

   ความต้องการทองจากกระแส De-Dollarization

   ตลาดคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.


Gold Bearish 

   เงินเฟ้อที่ยังอยู่ระดับสูงกว่าเป้าหมาย

   การหยุดซื้อทองคำของธนาคารกลางจีน


สำหรับสัปดาห์นี้คาดว่าราคาทองคำอาจปรับฐาน แต่คาดว่าราคาทองคำยังคงยืนเหนือระดับ 2,360-2,370 ดอลลาร์ แนะนำเข้าซื้อบริเวณแนวรับ 2,370 ดอลลาร์ และแนวรับ 2,360 ดอลลาร์ เป็นแนวรับที่สามารถเข้าซื้อได้ ขณะที่มีแนวต้าน 2,430 ดอลลาร์ และแนวต้าน 2,460 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 41,000 บาท และ 40,800 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 41,700 บาท และ 41,900 บาท


ธนรัชต์ พสวงศ์ 

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง


 

 

 

 

 

 

 

 

ข่าวแนะนำ