ทองโลกและทองไทยพุ่งทำ All-Time High
ราคาทองคำปิดตลาดใกล้ All-Time High ซึ่งราคาทองคำยังคงยก High ติดต่อกันตลอดทั้งสัปดาห์ ทั้งนี้สัญญาณทางเทคนิคของราคาทองคำยังคงสดใส คาดว่าราคาทองคำยังมีทิศทางขาขึ้น
ทองคำสดใสทั้งทองโลกและทองไทย ปีนี้ราคาทองโลกปรับตัวขึ้น 12.94% จากต้นปี ส่วนราคาทองไทยปรับตัวขึ้นกว่า 19.61% จากต้นปี ซึ่งให้ผลตอบแทนมากกว่าตลาดหุ้นทั้งสหรัฐและไทย ซึ่งทองคำไทยให้ผลตอบแทนดีกว่าทองคำโลก จากแรงหนุนของค่าเงินบาทที่อ่อนค่ามากถึง 6.59% แม้ดอลลาร์จะแข็งค่าเพียง 2% ซึ่งเงินบาทอ่อนค่าจากดอลลาร์แข็งค่า แต่ปัจจัยภายในประเทศยังคงหนุนค่าเงินบาท ไม่ว่าจะเป็นการคาดการณ์แนวโน้มการขยายตัว GDP ไทยที่โตต่ำกว่าคาด จาก World Bank หั่นคาดการณ์ GDP ไทยปี 67 เหลือโต 2.8% และยังมีแนวโน้มขยายตัวช้ากว่าประเทศอาเซียน รวมถึงเม็ดเงินไหลออกจากชาวต่างชาติ แม้ว่าท่องเที่ยวของไทยจะมีแนวโน้มที่สดใส จากที่นักท่องเที่ยวจีนกลับมาไทยเป็นอันดับ 1 ของปีนี้ ซึ่งมาจากอานิสงส์ฟรีวีซ่าระหว่างไทย-จีน แต่การส่งออกแผ่วลง และความล่าช้าของการดำเนินนโยบายของภาครัฐ เงินบาทจึงยังคงอ่อนค่าต่อเนื่อง หนุนราคาทองคำแท่งภายในประเทศต่อไป ทองคำแท่งของไทยจึงยังคงน่าซื้อ ขณะที่แม้ราคาทองคำไทยจะขึ้น และดูแพง ล่าสุดทองคำไทยอยู่ที่ 40,250 บาท แต่ก็ยังมีแรงซื้อทองคำเข้ามาต่อเนื่อง ซึ่งยอดซื้อทองคำยังคงเป็น Net buy แม้ราคาทองคำแท่งจะแพงที่สุดเป็นประวัติการณ์
ด้านราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นค่อนข้างสูงถึง 23.49% ซึ่งราคาน้ำมันมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ต่อถึง 100 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาตร์ ไม่ว่าจะเป็นสงครามอิสราเอล-กลุ่มฮามาส ซึ่งล่าสุดอิสราเอลโจมตีสถานกงสุลอิหร่านในกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย ทำให้เกิดความกังวลว่าหากอิหร่านทำสงครามโดยตรงกับอิสราเอล จะทำให้ความขัดแย้งในตะวันออกกลางบานปลาย และกระทบต่อปริมาณน้ำมันในตลาดได้ รวมถึงความกังวลสงครามรัสเซียและยูเครน จากที่รัสเซียได้ทำการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครนในระดับใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น ราคาน้ำมันจึงยังคงดีดตัวขึ้น ทำให้รัฐบาลสหรัฐต้องระงับแผนการซื้อน้ำมันเข้าคลังสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์ (SPR) เพราะราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น ซึ่งความเสี่ยงด้านสงคราม นอกจากจะทำให้มีแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยแล้ว ยังทำให้ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น และจะส่งผลต่อภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ระดับสูง ทองคำจึงยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจในการป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ
เฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย.หรือไม่?
ตลาดคาดการณ์ว่า เฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. โดยเริ่มลดดอกเบี้ย 0.25% และจะลดดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมเดือนก.ย. และธ.ค. อย่างละ 0.25% ทำให้รวมการลดดอกเบี้ยทั้งหมด 3 ครั้งเป็น 0.75% ในปีนี้ ดอกเบี้ยจะมาอยู่ที่ระดับ 4.50%-4.75% ในช่วงปลายปีนี้ อย่างไรก็ตาม ตลาดเริ่มให้น้ำหนักในการคาดการณ์ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย.ลดลงเหลือโอกาสเพียง 50.8% ทั้งนี้การคาดการณ์ของตลาดสอดคล้องกับการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เฟดยังคงส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ โดยปรับลดครั้งละ 0.25% รวม 0.75%
ขณะที่มีอีกทฤษฎีหนึ่งคือกฎเทย์เลอร์ (Taylor's Rule) ได้มีการนำใช้ตั้งแต่ปี 1993 ในการคาดการณ์หาอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐ จากกฎเทย์เลอร์ สะท้อนค่าการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดอยู่ 4.71% ซึ่งอัตราดอกเบี้ย ณ ตอนนี้อยู่ที่ 5.25%-5.50% นั้นแปลว่าปีนี้เฟดอาจจะลดดอกเบี้ยถึงระดับ 4.50%-4.75% สะท้อนถึงเฟดจะลดดอกเบี้ยอีก 0.75% ถ้าลดดอกเบี้ยครั้งละ 0.25% จะลดดอกเบี้ยปีนี้ 3 ครั้ง สอดคล้อง Dot Plot ของเฟดเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ยังมีคำถามว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยเมื่อไหร่? ซึ่งล่าสุดเฟดก็ยังส่งสัญญาณไม่เร่งลดดอกเบี้ย หากว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่งและเงินเฟ้อยังคงอยู่ระดับสูง ซึ่งข้อมูลล่าสุดสะท้อนถึงตลาดแรงงานสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง และเงินเฟ้อสหรัฐพุ่งขึ้น รวมถึงภาวะสงครามที่อาจยังทำให้เสี่ยงต่อภาวะเงินเฟ้อได้อีก หากสัปดาห์นี้สหรัฐยังคงเปิดเผยเงินเฟ้อสหรัฐที่ยังสูงกว่าคาด อาจเป็นอีกตัวแปรหนึ่งที่ทำให้เฟดอาจยังไม่เริ่มลดดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.ก็ได้
ราคาทองคำปิดตลาดใกล้ All-Time High ซึ่งราคาทองคำยังคงยก High ติดต่อกันตลอดทั้งสัปดาห์ ทั้งนี้สัญญาณทางเทคนิคของราคาทองคำยังคงสดใส คาดว่าราคาทองคำยังมีทิศทางขาขึ้น สัปดาห์นี้ติดตามดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค. และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค. ของสหรัฐ หลังจากการเปิดเผยครั้งก่อนสูงกว่าคาด
ทองโลกและทองไทยพุ่งทำ All-Time High เฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย.หรือไม่
Gold Bullish
ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ สงครามยูเครน-รัสเซีย สงครามอิสราเอล-ฮามาส
ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำต่อเนื่อง
แนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้
ความต้องการทองจากกระแส De-Dollarization
Gold Bearish
เงินเฟ้อที่ยังอยู่ระดับสูงกว่าเป้าหมาย
สัปดาห์นี้ราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่ 2,300 ดอลลาร์ และ 2,270 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 2,350 ดอลลาร์ และ 2,380 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 40,000 บาท และ 39,750 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 40,400 บาท และ 40,600 บาท
#ราคาทองคำ #สหรัฐ #Governmentshutdown #สภาคองเกรส #ประธานาธิบดีโจไบเดน #อัตราดอกเบี้ย #เงินดอลลาร์สหรัฐ #อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่ง #spot #spdr #ค่าเงินบาท #ธนรัชต์พสวงศ์ #กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง #เงินดอลลาร์ #Bondyield #รีบาวด์ทางเทคนิค #การโจมตี #สงครามอิสราเอลฮามาส #กรุงเยรูซาเล็ม #ข้อพิพาท #สงคราม6วัน #FOMC #ธนาคารกลางสหรัฐ
ติดตามข่าวหุ้นและการลงทุนทางไลน์
• Line @TNNWEALTH : https://bit.ly/3tCKmiD
———————————————————————
ติดตาม TNN Wealth ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
• Youtube : https://bit.ly/TNNWealthYoutube
• TikTok : https://bit.ly/TNNWealthTikTok
หรือดูรายการ Live ได้ทาง https://bit.ly/3HmUu4O
ข่าวแนะนำ