คลังเล็งขยายเวลาลดภาษีดีเซลลิตรละ 1 บาท แบ่งเบาภาระปชช.
คลังพร้อมพิจารณาขยายเวลามาตรการ ลดภาษีน้ำมันดีเซลลิตรละ 1 บาท หลังสิ้นสุดในวันที่ 19 เมษายนนี้ แบ่งเบาภาระประชาชน
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังพร้อมพิจารณาขยายเวลามาตรการปรับลดอัตราภาษีสรรพาสามิตน้ำมันดีเซลลิตรละ 1 บาท ที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 19 เมษายนนี้ เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนให้แก่ประชาชน และภาคธุรกิจในช่วงที่เศรษฐกิจยังชะลอตัว
แม้ว่า การต่ออายุมาตรการดังกล่าวจะทำให้รัฐสูญเสียรายได้มากถึงเดือนละ 2,000 ล้านบาท แต่ก็ถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่จะต้องช่วยประชาชน โดยเงื่อนไขต่างๆ จะต้องรอกระทรวงพลังงานเสนอมาให้พิจารณาอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้ยังไม่เห็นข้อเสนอ คาดว่ายังพอมีเวลา
สำหรับ ผลจากมาตรการปรับลดภาษีสรรพาสามิตน้ำมันดีเซล รวมทั้งน้ำมันเบนซิน ส่งผลให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มีหนี้เฉลี่ยเดือนละ 2,000 ล้านบาท รวม 3 เดือน มีหนี้ 6,000 ล้านบาท และส่งผลให้ช่วง 4 เดือนแรกปีงบประมาณ 2567 (ต.ค.66-ม.ค.67) รัฐบาทจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้า 8 พัน 8 ร้อยล้านบาท หรือร้อยละ 1.1 ขณะที่ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา มีสินทรัพย์รวม 27,809 ล้านบาท เป็นหนี้สินกว่า 1 แสน 2 หมื่น 6 พันล้านบาท ฐานะสุทธิติดลบกว่า 9 หมื่น 8 พันล้านบาท แบ่งเป็น ติดลบจากบัญชีน้ำมัน 51,136 ล้านบาท และบัญชีแก๊สหุงต้ม (แอลพีจี) 47,084 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เห็นชอบให้ปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ประเภทน้ำมันดีเซลลงเพื่อให้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศเกินลิตรละ 30 บาท ตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 เป็นต้นไป เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซลในตลาดโลกยังคงทรงตัวอยู่ระดับสูง โดย กบน. จะพิจารณาถึงข้อมูลต่างๆ ตามความเหมาะสมของช่วงเวลา เพื่อไม่ให้กระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน และการบริหารจัดการของผู้ค้าน้ำมันมากจนเกินไป และเพื่อเป็นการช่วยให้สภาพคล่องของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงปรับตัวดีขึ้น สามารถใช้กองทุน เป็นเครื่องมือรองรับกับสถานการณ์วิกฤตราคาน้ำมันที่ผันผวนได้อย่างต่อเนื่อง โดยสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จะดำเนินการประสานกับกระทรวงการคลังเพื่อหารือในเรื่องอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลต่อไป
ด้าน นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย บอกว่า อยากให้ภาครัฐดูให้รอบด้านก่อนจะปรับขึ้นน้ำมันดีเซลขึ้นไปเกินลิตรละ 30 บาท ในเดือนเมษายนนี้ เนื่องจากปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจค่อนข้างซึม ภาคการบริโภคและการใช้จ่ายลดลง ทำให้ผู้ประกอบการและผู้ผลิตปรับลดการผลิตสินค้าลงร้อยละ 20-25 ส่งผล กระทบต่อปริมาณการขนส่งของผู้ประกอบการสมาชิกสมาพันธ์ลดลงตามไปด้วย ดังนั้น ควรจะตรึงราคาน้ำมันดีเซลต่อเพื่อช่วยลดภาระผู้ประกอบการและประชาชนต่อไปอีก และไปพิจารณาปรับโครงสร้างพลังงานแทนเพื่อเป็นการแก้ปัญหาระยะยาว
นายอภิชาติ บอกว่า การปรับขึ้นดีเซลจะกระทบต่อต้นทุนและราคาสินค้าอย่างแน่นอน เพราะเมื่อปรับราคาดีเซลขึ้นทุก ลิตรละ 1 บาท ก็จะต้องมีการปรับค่าขนส่งขึ้นร้อยละ 3 ดังนั้นถ้าในเดือนเมษายนนี้ ถ้ามีการปรับราคาน้ำมันดีเซลขึ้นลิตรละ 2 บาท ก็จะต้องมีการปรับขึ้นค่าขนส่งถึงร้อยละ 6
ภาพจาก: AFP