เปิด 3 สาเหตุ ที่ทำเงินบาทแข็งค่าขึ้นถึงร้อยละ 5
"ธปท." เปิดเผย 3 ปัจจัยทำบาทแข็งต่อเนื่อง จาก ดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่า-จีนเปิดประเทศเร็วกว่าคาด-มุมมองต่างชาติดีขึ้น โดยตั้งแต่ต้นปีพบค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นถึง 5% ขณะที่ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาด ค่าเงินบาทสัปดาห์หน้า อยู่ในกรอบ 32.70-33.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยได้รับแรงหนุนจากกระแสเงินทุนไหลเข้าของนักลงทุนต่างชาติ ทั้งในส่วนของตลาดหุ้น
เพจเฟซบุ๊ก ‘ธนาคารแห่งประเทศไทย’ ได้เผยแพร่ข้อมูล ในหัวข้อ ทำไมค่าเงินบาทปรับแข็งค่าขึ้นในช่วงนี้ ? โดยระบุ มี 3 ปัจจัยที่ส่งผลให้เงินบาทปรับแข็งค่าในช่วงนี้ ได้แก่
1.แนวโน้มเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าต่อเนื่อง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ส่งสัญญาณลดความเข้มงวดในการดำเนินนโยบายทางการเงินลง จากเงินเฟ้อสหรัฐฯที่ชะลอลงต่อเนื่อง
2.การเปิดประเทศของจีนที่เร็วกว่าคาด ซึ่งส่งผลดีต่อเศรษฐกิจภูมิภาค รวมถึงไทย ที่จะได้รับประโยชน์จากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน
3.มุมมองของต่างชาติต่อเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศในภูมิภาคที่ปรับดีขึ้น เห็นได้จากเงินไหลเข้ามาลงทุนในหลายประเทศต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ต้นปี นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อหุ้นไทยกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท
ธปท.ยังระบุว่า ตั้งแต่ต้นปี เงินบาทแข็งค่าขึ้น 5% เมื่อเทียกับดอลลาร์สหรัฐ และดัชนีค่าเงินบาท (NEER) ปรับเพิ่มขึ้น 3% (ข้อมูล ณ วันที่ 13 ม.ค.2566)
ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทสัปดาห์หน้าระหว่างวันที่16-20 ม.ค.66 ว่าจะอยู่ระดับ 32.70-33.70 บาท โดยได้รับแรงหนุนจากกระแสเงินทุนไหลเข้าของนักลงทุนต่างชาติ ทั้งในส่วนของตลาดหุ้น และ ตลาดพันธบัตรไทยในระหว่างสัปดาห์
ประกอบกับภาพรวม ของสกุลเงินเอเชีย ขยับแข็งค่าขึ้นได้ต่อเนื่อง ตามทิศทางค่าเงินหยวน ซึ่งยังคงได้รับอานิสงส์จากความหวัง เรื่องการทยอยเปิดประเทศของจีน และ ค่าเงินเยนจากการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่นอาจปรับท่าทีในการดำเนินนโยบายการเงิน
นอกจากนี้ เงินบาทยังเพิ่มช่วงบวกได้ต่อจนถึงช่วงปลายสัปดาห์ เนื่องจากเงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงขาย หลังข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ชะลอลงสอดคล้อง กับ ตัวเลขคาดการณ์ของตลาด ชี้ให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว และ เฟดมีแนวโน้ม ที่จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยประมาณ 0.25% ในการประชุมปลายเดือนนี้