TNN "มัลติคอยน์" คาดบริษัทคริปโตฯล้มละลายตาม FTX อีกเพียบ

TNN

Wealth

"มัลติคอยน์" คาดบริษัทคริปโตฯล้มละลายตาม FTX อีกเพียบ

มัลติคอยน์ คาดบริษัทคริปโตฯล้มละลายตาม FTX อีกเพียบ

"มัลติคอยน์" คาดการณ์จะมีบริษัทคริปโตเคอร์เรนซี ล้มละลายตาม FTX อีกจำนวนมาก ตลาดมีแนวโน้มทรุดตัวอย่างรุนแรง

วันนี้ (18 พ.ย. 65)  มัลติคอยน์ แคปิตอล  (Multicoin Capital) ซึ่งเป็น บริษัท คริปโตเคอร์เรนซี ของสหรัฐ ได้ส่งจดหมายแจ้งนักลงทุนในวันพฤหัสบดี (17 พ.ย.) ว่า การล้มละลายของบริษัทเอฟทีเอ็กซ์ (FTX) และการทรุดตัวของราคาคริปโตฯ ได้ส่งผลให้เม็ดเงินทุนของมัลติคอยน์ลดลงมากถึง 55% ในเดือนนี้ พร้อมระบุว่า ตลาดคริปโตฯ มีแนวโน้มที่จะทรุดตัวลงรุนแรง ก่อนที่จะฟื้นตัวอีกครั้งในวันข้างหน้า

มัลติคอยน์ระบุว่า แม้มีความเป็นไปได้ที่บริษัทจะได้เงินคืนบางส่วนจากเอฟทีเอ็กซ์ แต่เนื่องจากขณะนี้สินทรัพย์เหล่านั้นได้ถูกรวมอยู่ในกระบวนการล้มละลายของเอฟทีเอ็กซ์ ทำให้ความหวังที่จะได้เงินคืนมานั้นเหลือศูนย์ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อฐานเงินทุนของมัลติคอยน์ซึ่งทำธุรกิจคริปโทฯ มานานถึง 5 ปี โดยในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา บริษัทมีฐานเงินทุน 430 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นบริษัทคริปโทฯ ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3

 "ที่ผ่านมา เราไว้วางใจในความสัมพันธ์ของเรากับเอฟทีเอ็กซ์มากเกินไป และเรามีสินทรัพย์อยู่ในเอฟทีเอ็กซ์มากเกินไปเช่นกัน" นายไคล ซามานี และนายตูชาร์ เจน หุ้นส่วนด้านบริหารของมัลติคอยน์ระบุในจดหมายถึงนักลงทุน

มัลติคอยน์คาดการณ์ว่า ตลาดคริปโทฯ จะยังไม่ฟื้นตัวในเร็ววันนี้ เนื่องจากมีแนวโน้มว่าจะมีบริษัทล้มละลายมากขึ้นอีก อันเป็นผลมาจากการล่มสลายลงอย่างฉับพลันของเอฟทีเอ็กซ์ และอลาเมดา รีเสิร์ช ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ

"เราคาดว่าจะมีอีกหลายบริษัทที่ล้มละลายตามเอฟทีเอ็กซ์และอลาเมดาในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ เราคาดว่า บริษัทเทรดดิงด้านคริปโทฯ หลายแห่งจะหายไปจากตลาดและปิดตัวลง ซึ่งจะสร้างแรงกดดันต่อสภาพคล่องและวอลุ่มการซื้อขายทั่วทั้งระบบนิเวศคริปโทฯ" มัลติคอยน์ระบุ

ทั้งนี้ มัลติคอยน์ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการล้มละลายของเอฟทีเอ็กซ์ เนื่องจากมัลติคอยน์ลงทุนในเหรียญโซลานาจำนวนมาก โดยนายแซม แบงค์แมน-ฟรีด ซีอีโอของเอฟทีเอ็กซ์ เป็นผู้ผลักดันเหรียญโซลานา และบริษัทอลาเมดาเป็นผู้ถือครองเหรียญโซลานารายใหญ่ ซึ่งความเชื่อมโยงกันเช่นนี้ส่งผลให้มูลค่าเหรียญโซลานาดิ่งลง 64% ในช่วง 12 วันที่ผ่านมา

ภาพจาก  :  AFP

ข่าวแนะนำ