"แบงก์รัฐ" จ่อทยอยขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ปี 66 ตามแนวโน้มตลาด
"แบงก์รัฐ" ยันตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ถึงสิ้นปี 65 แม้กนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในวันที่ 30 พ.ย.นี้ ส่วนปี 2566 เตรียมทยอยปรับขึ้นดอเบี้ยเงินกู้ตามแนวโน้มตลาดที่อยู่ในช่วงขาขึ้น
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า คาดว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 65 นี้ จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้ง และคาดว่าธนาคารพาณิชย์จะมีการทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และเงินฝาก หลังจากที่กนง. ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายแล้วกว่า 3 ครั้ง
อย่างไรก็ตาม ธนาคารออมสินยืนยันว่า จะตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้นานถึงสิ้นปี 2565 ส่วนดอกเบี้ยเงินฝากนั้น จะพิจารณาตามการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้ง
ทั้งนี้ยอมรับว่า ในช่วงเดือนมกราคม 66 จะต้องมีการทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้เป็นไปตามสถานการณ์ของตลาด เพราะหากดอกเบี้ยเงินกู้ห่างจากตลาดมากจะมีผลกระทบต่อตลาดในภาพรวม
ด้านนายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ไม่สามารถเดาได้ว่าการประชุมกนง. วันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกหรือไม่ แต่นักวิเคราะห์ก็มีการคาดการณ์ว่าแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นแล้ว และธอส.ยังยืนยันว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้นานถึงสิ้นปี 2565 แม้กนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งจะมีผลทำให้สูญเสียรายได้ไป 1,900 ล้านบาท
ขณะที่ปี 2566 เป็นปีที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากเดิมธอส.คำนวณไว้ว่า แบงก์จะเสียรายได้ 5,000 ล้านบาท จากการทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้ใกล้เคียงกับตลาดจนถึงช่วงกลางปีหน้า แต่จากการประเมินคาดว่าจะเพิ่มสูงมากกว่านั้น เนื่องจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยปรับเพิ่มสูงขึ้นเร็วกว่าที่คาด ซึ่งมีผลกับรายได้จากสินเชื่อปล่อยใหม่ และสินเชื่อสะสมทั้งหมดของพอร์ต
ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก แม้แบงก์จะประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ก็ยังไม่มีผลต่อรายได้ แต่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้นั้นหากไม่ขึ้นเลย กำไรจากดอกเบี้ยจะลดลง ผลกระทบกลับมา คือ เมื่อแบงก์ไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว (MRR), อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำ(MLR) ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ปรับดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ลูกค้าจะมาขอสินเชื่อที่สถาบันการเงินที่ดอกเบี้ยต่ำ แต่แบงก์ต้องไประดมเงินที่มีต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นเพื่อไปปล่อยสินเชื่อ เป็นต้น
ที่มาข้อมูล : TNN ONLINE
ที่มาภาพ : TNN