"อังกฤษ" เสียตำแหน่งตลาดหุ้นใหญ่สุดในยุโรปให้ "ฝรั่งเศส" แล้ว!
อังกฤษ สูญเสียตำแหน่งตลาดหุ้นขนาดใหญ่สุดในยุโรปให้กับฝรั่งเศส จากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจ
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า อังกฤษสูญเสียสถานะตลาดหุ้นขนาดใหญ่สุดให้กับฝรั่งเศส เมื่อคำนวณจากมูลค่าตลาดรวมระหว่างตลาดหุ้นลอนดอนและตลาดหุ้นปารีสเทียบเป็นเงินสกุลดอลลาร์ เนื่องจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจของอังกฤษส่งผลกระทบเชิงลบต่อตลาดหุ้น สวนทางกับหุ้นของแบรนด์หรูฝรั่งเศสที่ขยับขึ้นจากอานิสงส์ที่จีนเริ่มคลายความเข้มงวดคุมโควิดก่อนหน้านี้
โดยปัจจุบัน หุ้นในอังกฤษมีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 2.821 ล้านล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับหุ้นในฝรั่งเศสที่มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 2.823 ล้านล้านดอลลาร์ หลังจากที่มูลค่าตลาดของตลาดหุ้นลอนดอนและปารีสลดความห่างลงมาอยู่ที่ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ จากที่อังกฤษลงมติถอนตัวจากสหภาพยุโรป (EU) เมื่อปี 2559
รายงานระบุว่า หุ้นในอังกฤษที่เน้นตลาดในประเทศร่วงลงอย่างหนักในปีนี้ ผิดกับหุ้นของบริษัทแฟชั่นหรูของฝรั่งเศส อาทิ LVMH เจ้าของแบรนด์หลุยส์ วิตตอง และ “เคอริ่ง” เจ้าของแบรนด์กุชชี่ ที่ปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากมุมมองเชิงบวกจากการผ่อนกฎคุมโควิดของจีน ซึ่งผู้บริโภคชาวจีนมีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 35 ของความต้องการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยทั่วโลกก่อนเกิดวิกฤตโควิด
ซึ่งการเคลื่อนไหวของค่าเงินก็ส่งผลดีต่อตลาดหุ้นปารีสอีกด้วย ในขณะที่ผลพวงจากแผนลดภาษีของอดีตนายกรัฐมนตรีลิซ ทรัสส์ ของอังกฤษ เมื่อเดือนกันยายน ซึ่งสร้างความปั่นป่วนในตลาดการเงินของอังกฤษ ฉุดให้เงินปอนด์อังกฤษร่วงแตะระดับต่ำสุดเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐนับตั้งแต่ปี 2528
ในปีนี้ หุ้นขนาดกลาง (midcap) ของอังกฤษเผชิญแรงกดดันจากต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น ขณะที่ผู้กู้ซื้อบ้านในอังกฤษก็เผชิญกับอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ภายในช่วงเวลาราว 3 สัปดาห์หลังจากที่อดีตนายกฯ ทรัสส์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรของอังกฤษมีมูลค่าหายไปประมาณ 5 แสนล้านดอลลาร์ โดยความเชื่อมั่นของนักลงทุนหมดไปจากแผนลดภาษีที่สร้างความกังวลเกี่ยวกับหนี้มหาศาล
ที่มาข้อมูล : TNN ONLINE
ที่มาภาพ : TNN