เปิดโพย 7 หุ้นเด่นรับมือความผันผวนเศรษฐกิจโลก
โบรกมองหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 4/65 ไปต่อ จากการฟื้นตัวเศรษฐกิจของประเทศ -ท่องเที่ยวหนุน ชี้ปัจจัยลบต่างประเทศตลาดดูดซับไปแล้ว ทั้ง ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน-เงินเฟ้อ คาดเงินบาทที่ชะลอการอ่อนค่า ประกอบ Valuation ที่อยู่ในระดับที่น่าสนใจ เป็นปัจจัยดึงดูด Flow ดันดัชนีสิ้นปีแตะ 1,730 จุด
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วง 4Q65 มีทิศทางปรับตัวดีขึ้นจากการฟื้นตัวเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวเริ่มกลับมาฟื้นจากการเปิดประเทศในหลายประเทศ โดยเฉพาะจีนที่คาดว่าจะเปิดประเทศในเร็ว ๆ นี้ แม้ว่าที่ผ่านมาจะถูกแรงกดดันสูงสุดจากปัจจัยภายนอกไปแล้ว
ทั้งจาก 1. สงคราม รัสเซีย-ยูเครน ตลาดตอบรับมานานกว่า 7 เดือน หากความเสี่ยงถูกจำกัดเฉพาะในพื้นที่ยูเครนและไม่นำสู่การใช้อาวุธนิวเคลียร์ระหว่างกันผลกระทบมายังตลาดหุ้นจะไม่มาก
2. อัตราเงินเฟ้อหลายประเทศมีแนวโน้มผ่านจุดสูงสุดหลังราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ปรับลงใกล้เคียงกับช่วงต้นปี ทำให้แรงกดดันต่อการใช้นโยบายการเงินเชิงรุกของธนาคารกลางต่างๆลดลง
3. การดำเนินนโยบายทางการเงินเชิงรุกใกล้เข้าสู่ช่วงท้าย โดยเฉพาะ Fed ที่ตลาดคาดช่วงที่เหลือของปีจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 1% และปีหน้าอีก 0.25% ก่อนที่จะลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง
4. ทิศทางเศรษฐกิจหลายประเทศที่ชะลอลง โดยสหรัฐฯ เกิดภาวะ Technical Recession ไปแล้ว, เศรษฐกิจ อังกฤษ สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ชะลอลงหลัง GDP ไตรมาส 2 ติดลบ แต่อย่างไรก็ตามการทยอยปรับลดคาดการณ์ของสำนักเศรษฐกิจต่างๆสะท้อนถึงการรับรู้ของตลาดไปในระดับหนึ่ง
ส่วนปัจจัยในประเทศที่ยังอยู่ในโหมดฟื้นตัวตามหลังการเปิดประเทศที่ได้แรงหนุนจากภาคการบริโภคในประเทศ การท่องเที่ยวและการใช้จ่ายภาครัฐที่เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการลงทุนมากกว่าการเยียวยาหลังผ่านช่วง COVID-19 ขณะที่ในมุมกำไรบริษัทจดทะเบียนบ้านเราที่ขยายตัวได้ดี
โดยฝ่ายวิจัยประเมิน EPS65F ที่ 96.1 บาท/หุ้น เติบโต 12%yoy และ EPS66F ที่ 101.1 บาท/หุ้น เติบโต 5%yoy ขณะที่การดำเนินนโยบายการเงิน ธปท.ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยฯแต่ยังดำเนินแบบค่อยเป็นค่อยไป
โดยเชื่อว่าดอกเบี้ยฯ ณ สิ้นปีที่ 1.25% เทียบกับสหรัฐฯ 4.25% ขณะที่ทิศทางค่าเงินบาทในช่วง 4Q65 เชื่อว่าจะชะลอการอ่อนค่าจากการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่ลดลงตามราคาพลังงานที่ปรับลงซึ่งจะช่วยลดผลกระทบของการขาดดุลการค้า เช่นเดียวกับดุลบริการที่จะดีขึ้นตามตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เริ่มเข้าสู่ High Season ส่วนการเมืองในประเทศเชื่อว่าไม่เจอทางตันและไม่รุนแรง มีกรอบที่ชัดเจนถือว่าอยู่ในเงื่อนไขปกติ แต่หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจะน่ากลัวมากกว่า
สำหรับทิศทางเศรษฐกิจในประเทศและผลประกอบการบริษัทฯที่มีแนวโน้มขยายตัวโดดเด่นสวนกระแสโลก ขณะที่ความเสี่ยง Fx Loss ลดลงจะเป็นปัจจัยดึงดูด Fund Flow ไหลเข้าหนุน SET Index ช่วง 4Q65 ขยับขึ้นโดยคงเป้าหมายดัชนี ณ สิ้นปีไว้ที่ 1,730 จุด หรือคิดเป็นระดับ Market Earning Yield Gap ที่ 4.3% มากกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีที่ 4.2% กลยุทธ์การลงทุนแนะนำหุ้น Domestic หลีกเลี่ยงความผันผวนจากปัจจัยภายนอก ADVANC, ASK, BBL, BEM, CENTEL, HMPRO, GULF
ที่มา นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม
ภาพประกอบ บล.เอเซีย พลัส