RATCH ทุ่ม 2 หมื่นล้าน ซื้อหุ้นโรงไฟฟ้า-แบตเตอรี่
ราช กรุ๊ป เดินหน้ามองหาโอกาสและสร้างความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดประกาศความสำเร็จ ลงนามสัญญาเข้าซื้อสินทรัพย์โรงไฟฟ้า ด้วยมูลค่ากว่า 21,470 ล้านบาท
"ราช กรุ๊ป" (RATCH) ได้ออกมาระบุว่า บริษัท อาร์เอช อินเตอร์เนชั่นแรล (สิงคโปร์) คอร์ปอเรชั่น จำกัด (RHIS) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้ลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นกับบริษัทในเครือของ Denham Capital Management LP (Denham) และ Nexif Energy Management Pte.Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Nexif เพื่อเข้าซื้อหุ้น "Nexif Enery Holdings B.V." และ "NXF Holdings 2 Limited (Nexif Energy Joint Venture) โดยทั้งสองบริษัทเป็นผู้ถือสินทรัพย์โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน โรงไฟฟ้ากังหันก๊าซ โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม และระบบกักเก็บพลังงานแบบแบตเตอรี่ ตั้งอยู่ในประเทศไทย เครือรัฐออสเตรเลีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ทั้งที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วและที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างรวมถึงระหว่างการพัฒนา รวมจำนวน 24 โครงการ
ทั้งนี้ บริษัทฯ และเน็กส์ซิฟ ยังจะร่วมกันจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (Joint Venture) เพื่อร่วมกันบริหารสินทรัพย์ประเภทโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา และต่อยอดขยายการลงทุนโครงการใหม่ในอนาคตอีกด้วย
โดยการลงทุนครั้งนี้ คิดเป็นมูลค่ากว่า 605 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 21,470.42 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับแผนการลงทุนของบริษัท ที่จะสามารถรับรู้รายได้ทันทีภายหลังการซื้อหุ้นแล้วเสร็จ
ด้านกรรมการผู้จัดการใหญ่ "ราช กรุ๊ป" หรือคุณชูศรี เกียรติขจรกุล เน้นย้ำว่าการลงทุนครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายการเติบโตของธุรกิจหลักอย่างมีนัยสำคัญ เพราะการเข้าลงทุนครั้งนี้จะเร่งทำให้บริษัทฯ บรรลุเป้าหมายกำลังผลิต 10,000 เมกะวัตต์ได้เร็วขึ้น และยังช่วยเร่งผลักดันกำลังการผลิตพลังงานทดแทนให้ถึงเป้าหมายร้อยละ 25 ในปี 2568 เพราะพอร์ตการลงทุนดังกล่าวเกือบทั้งหมดเป็นโครงการด้านพลังงานทดแทน ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังงานลมทั้งบนบกและในทะเลจำนวน 12 แห่ง โครงการพลังงานน้ำ 3 แห่ง และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ 3 แห่ง นอกจากนั้นยังมีโครงการพัฒนาระบบกักเก็บพลังงานแบบแบตเตอรี่ 4 โครงการ และโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติอีก 2 แห่ง
ซึ่งการลงทุนครั้งนี้ จะรับรู้กำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นประมาณ 1,500 เมกะวัตต์ ซึ่งประมาณ 900 เมกะวัตต์ เป็นโครงการที่สร้างรายได้แล้วและมีเป้าหมายการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในอีก 3 ปีข้างหน้า ที่สำคัญยังเปิดโอกาสให้บริษัทฯ เข้าสู่ธุรกิจระบบกักเก็บพลังงานแบตเตอรี่ที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มธุรกิจพลังงานทดแทน และขยายฐานธุรกิจต่างประเทศทั้งในออสเตรเลีย เวียดนาม รวมทั้งเปิดฐานลงทุนใหม่ในประเทศฟิลิปปินส์อีกด้วย
ในส่วนของเงินลงทุนในธุรกรรมดังกล่าว บริษัทฯ จะใช้จากเงินทุนของบริษัทฯ และเงินกู้จากสถาบันการเงิน ซึ่งได้จัดเตรียมไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเชื่อมั่นว่าการตัดสินใจลงทุนครั้งนี้จะช่วยผลักดันให้ "ราช กรุ๊ป" สามารถเติบโตอย่างยั่งยืน และขับเคลื่อนไปสู่ความมุ่งหมายที่จะเป็นกลางทางคาร์บอนได้ด้วยเช่นกัน
ข้อมูลจาก : TNN ONLINE
ภาพจาก : TNN