TNN GULF บุกโรงไฟฟ้าต่างประเทศ กำลังผลิตทะลุ 1,000 เมกะวัตต์

TNN

Wealth

GULF บุกโรงไฟฟ้าต่างประเทศ กำลังผลิตทะลุ 1,000 เมกะวัตต์

GULF บุกโรงไฟฟ้าต่างประเทศ กำลังผลิตทะลุ 1,000 เมกะวัตต์

หลังเดินหน้าขยายกำลังการผลิต ซื้อกิจการ และขยายการลงทุน ทำให้กำไรของ "กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์" เติบโตต่อเนื่อง ซึ่งช่วงที่เหลือของปี ยังมีแผนลงทุนภายใต้กำลังการผลิตไฟฟ้ามากกว่า 1,000 เมกะวัตต์

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินของ "กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์" (GULF) หรือคุณยุพาพิน วังวิวัฒน์ ได้ออกมาเปิดเผยถึงแนวโน้มผลประกอบการทั้งปีนี้ ว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากการลงทุนในโครงการต่างๆ ของกัลฟ์ในช่วงครึ่งหลังของปี ยังคงเดินหน้าได้ตามแผน ไม่ว่าจะเป็นการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้า GSRC หน่วยที่ 4 จำนวน 662.5 เมกะวัตต์ภายในเดือนตุลาตม หรือโครงการโซลาร์รูฟท็อปภายใต้ GULF1 ที่จะทยอยเปิดดำเนินการให้ครบ 100 เมกะวัตต์ ภายในสิ้นปีนี้ 

รวมไปถึงการเข้าถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 50 ใน Gulf Gunkul Corporation ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง "กันกุล" ที่เป็นผู้ถือหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม จำนวน 3 โครงการ รวมทั้งสิ้น 170 เมกะวัตต์ 

ซึ่งในปัจจุบัน กัลฟ์อยู่ระหว่างการศึกษาโครงการโรงไฟฟ้าหลายโครงการ ทั้งโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ในยุโรป อังกฤษ อเมริกา และเอเชีย เหล่านี้ล้วนเป็นโครงการขนาดใหญ่ และมีกำลังการผลิตไฟฟ้ามากกว่า 1,000 เมกะวัตต์ 

GULF บุกโรงไฟฟ้าต่างประเทศ กำลังผลิตทะลุ 1,000 เมกะวัตต์

โดยล่าสุด ได้รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 มีรายได้รวม (Total Revenue) เท่ากับ 24,553 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.07 เท่าจากปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้า GSRC หน่วยที่ 1-3 รวม 1,987.5 เมกะวัตต์ ประกอบกับรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ SPP 12 โครงการ อันเนื่องมาจากราคาขายไฟฟ้าที่สูงขึ้นตามราคาก๊าซธรรมชาติ และจากปริมาณการขายแก่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากปีก่อน นอกจากนี้ GULF ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH จำนวน 1,172 ล้านบาทในไตรมาส 2 อีกด้วย

ส่งผลให้ในไตรมาส 2 บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงาน (Core Profit) อยู่ที่ 3,081 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.2 เท่าจากปีที่ผ่านมา แต่เมื่อรวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน เหลือเป็นกำไรสุทธิ (Net Profit) ในไตรมาส 2 เท่ากับ 1,531 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 เนื่องจากจบไตรมาส ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงร้อยละ 6 จาก 33.46 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ในไตรมาส 1 มาเป็น 35.46 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ในไตรมาส 2

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เป็นเพียงการบันทึกรายการทางบัญชี และไม่มีผลกระทบต่อกระแสเงินสดและผลประกอบการของบริษัทฯ แต่อย่างใด 

ข้อมูลจาก : TNN ONLINE

ภาพจาก : TNN


ข่าวแนะนำ