“หอการค้า” หนุนขึ้นค่าแรง แต่ต้องเหมาะสมแต่ละพื้นที่
หอการค้าไทยสนับสนุนปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ชี้ให้ไตรภาคีถกหาเพดานปรับขึ้นค่าแรงให้เหมาะสมแต่ละพื้นที่ ส่วนกลุ่มเอกชนเผยปรับค่าแรงส่งผลต่อต้นทุนเพิ่ม5-20 %
ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงกรณีการปรับค่าแรงขั้นต่ำ ว่าทางสภาเองรู้สึกเห็นด้วย เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจในไทยที่เงินเฟ้อทะยานพุ่งสูงขึ้น ส่งผลให้ค่าครองชีพสูงตามไปด้วย โดยถ้าหากไม่มีการปรับค่าแรงขั้นต่ำ คนที่มีรายได้ต่ำก็จะได้รับผลกระทบ ส่งผลต่อกำลังซื้อของประชาชน
แต่อย่างไรก็ตาม การปรับค่าแรงขั้นต่ำตามที่กระทรวงแรงงานกำหนดเพดานไว้ที่ 5-8 % ต้องดูตามความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ ซึ่งคณะกรรมการไตรภาคีจะเป็นผู้พิจารณาว่าจะปรับขึ้นเท่าไร แต่หากจะมีการปรับค่าแรงขั้นต่ำอัตราเดียวทั่วประเทศทั่วประเทศนั้น ทางหอการค้าฯไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง
ทางด้านของนายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทยและประธานคณะกรรมการธุรกิจอาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต กล่าวว่า เอกชนได้ติดตามเรื่องต้นทุนต่างๆต่อเนื่อง แต่ละธุรกิจได้รับผลกระทบไม่เท่ากันแต่อุตสาหกรรมที่ใช้ไฟฟ้ามากจะได้รับผลกระทบมากกว่าและส่งผลไปยังสินค้าที่ผลิตและจะส่งต่อไปถึงผู้บริโภคด้วยเช่นกัน ทำให้เมื่อต้นทุนสูงขึ้นก็จะส่งต่อไปยังผู้บริโภค
เพราฉะนั้น การปรับค่าแรงขั้นต่ำต้องพิจารณาให้รอบคอบว่าจะปรับขึ้นราคาเท่าใดให้แรงงานอยู่ได้ขึ้นเท่าใดที่ทำให้ธุรกิจไปต่อได้และขึ้นเท่าใดจะไม่กระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ภาคเอกชนต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือ ในกรณีที่มีการปรับค่าแรงขั้นต่ำ คือ 1.ช่วยสนับสนุนด้านเทคโนโลยีต่างๆที่ใช้ในการผลิต 2.ส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือก เช่น การนำโซลาร์รูฟท็อป มาใช้ในโรงงงานอุตสาหกรรม 3.การเข้าถึงแหล่งทุนก็สำคัญเนื่องจากการจะได้มาเรื่องของอุปกรณ์ต่างๆต้องมีเงินทุนเข้ามาช่วยหรืออื่นๆ
ข้อมูลจาก : TNN ONLINE
ภาพจาก : TNN, AFP