ราคาทองคำรุ่ง-ร่วงแค่ไหน! เมื่อตลาดเผชิญสารพัดปัจจัยเสี่ยงรุมเร้า
ราคาทองคำในสัปดาห์นี้จะปรับขึ้น-ลงได้มากน้อยแค่ไหนท่ามกลาง ปัจจัยบวก-ลบจากต่างประเทศ-ในประเทศ ตามไปดูกันเลย
นายวรุต รุ่งขํา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จํากัด เปิดเผยถึงทิศทางราคาทองคำในสัปดาห์หน้ากับ TNNONLINE ว่า ปรับตัวขึ้นต่อ เป็นผลมาจาก ปัญหาความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ หลังจากที่สหรัฐฯ ส่งนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ไปเยือนไต้หวัน ซึ่งต้องดูว่าจีนจะมีมาตรการตอบโต้อะไรบ้าง จากที่สัปดาห์ที่ผ่านมาจีนซ้อมรบครั้งใหญ่ยิงขีปนาวุธ 11 ลูกรอบเกาะไต้หวันโดยจะมีเป็นปัจจัยที่หนุนราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้เกาะติดนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐจะลงนามอนุมัติร่างกฎหมายเพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมชิปเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐในวันอังคารหน้า (9 ส.ค.) นี้หรือไม่ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนชิปที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ กฎหมายฉบับดังกล่าวจะอนุมัติงบประมาณราว 2 แสนล้านดอลลาร์ในระยะเวลามากกว่า 10 ปี เพื่อส่งเสริมการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของสหรัฐเพื่อให้สามารถแข่งขันกับจีนได้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี จะต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรส เพื่อจัดทำงบประมาณอย่างเหมาะสมสำหรับการลงทุนดังกล่าว
ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวของสหรัฐฯ จะทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจจากจีนและไต้หวันย้ายฐานการผลิตมาที่สหรัฐฯ ได้ และทำให้จีนเสียประโยชน์หนุนทองคำปรับตัวขึ้น
นอกจากนี้ต้องติดตามตัวเลข CPI ของสหรัฐหรือดัชนีราคาผู้บริโภคว่าจะชะลอตัวลงหรือไม่ โดยตลาดคาดว่าอยู่ที่ 8.9% จากเดือนที่ผ่านมาอยู่ระดับสูงถึง 9.1% ซึ่งหากเงินเฟ้อต่ำกว่าคาดอาจจะไม่จำเป็นต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยทำให้ทองคำ มีโอกาสดีดปรับตัวเพิ่มขึ้น
สำหรับการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ในวันที่ 10 ส.ค.นี้คาดว่ากนง.จะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งจะส่งผลต่อค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นแต่จะทำให้ทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือลงนั้นต้องดูสัญญาณของกนง.ถ้าการขึ้นดอกเบี้ยไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจะทำให้ราคาทองคำปรับตัวลง
แต่ถ้ากนง.มีการส่งสัญญาณว่าการขึ้นดอกเบี้ยไม่ได้สร้างความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยว่ามีการฟื้นตัวต่อเนื่อง จะทำให้เงินบาทอ่อนค่า หุ้นไทยปรับตัวลงฟันด์โฟลว์ไหลออก
นอกจากนี้ภาระหนี้สาธารณะสูง การกู้ยืมเงินต่างชาติเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่หนี้ครัวเรือนยังอยู่ระดับสูง ทำให้ความสามารถในการใช้จ่ายของภาครัฐและประชาชน ลดลงก็จะเป็นปัจจัยกดดันต่อเศรษฐกิจไทย แต่จะหนุนราคาทองปรับตัวขึ้น
อย่างไรก็ตาม สัปดาห์หน้า ประเมินกรอบแนวรับที่ 1,777 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ดอลลาร์ แนวรับถัดไป 1,762 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยราคาทองคำแท่งจะอยู่ที่ประมาณ 29,750 ถึง 30,000 บาท ขณะที่แนวต้าน อยู่ที่ 1,803 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์และแนวต้านถัดไปที่ 1,820 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ทองคำแท่งอยู่ที่ 30,450-37,000 บาท
ที่มา นายวรุต รุ่งขํา
ภาพประกอบ วายแอลจี