TNN สศช.ดึงเอกชน ตั้งอนุกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน

TNN

Wealth

สศช.ดึงเอกชน ตั้งอนุกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน

สศช.ดึงเอกชน ตั้งอนุกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน

สศช. จับมือภาคเอกชนรายใหญ่ ตั้งอนุกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน คาดช่วยยกระดับเอสเอ็มอี หนุนการลงทุนเพิ่ม ตอบโจทย์ SDGs หนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน และการลดคาร์บอนเป็นศูนย์

วันนี้(17 เม.ย.65) นายสนิท อักษรแก้ว ประธานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า จากการที่องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้กำหนดเป้าหมายในการพัฒนาอย่างยุ่งยืน (SDGs)เป็นเป้าหมายที่แต่ละประเทศที่เป็นสมาชิกต้องปฏิบัติตาม ซึ่งเกี่ยวข้องกับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจในรูปแบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (circular economy) และการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นศูนย์ให้ได้ตามระยะเวลาที่แต่ละประเทศได้ประกาศไว้ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (COP26) ที่เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์เมื่อปีที่ผ่านมา  ดังนั้น สศช.ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ภายใต้คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (กพย.) ได้มีการหารือกับภาคเอกชนเกี่ยวกับการขับเคลื่อนเป้าหมายดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง และได้มีการจัดตั้งคณะอนุกรรมการภาคเอกชนเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมีทั้งหน่วยงานภาครัฐ และตัวแทนจากภาคเอกชนที่มีการทำงานเรื่อง SDGs มาอย่างต่อเนื่องเข้ามาทำงานในคณะอนุกรรมการร่วมกัน


ทั้งนี้ได้มีตัวแทนจากภาคเอกชนกว่า 10 บริษัทเข้าร่วม เช่น บริษัทดาว เคมิคอล ประเทศไทย จำกัด บริษัทบางจากคอร์ปอเรชัน จำกัด เครือเจริญโภคภัณฑ์ บริษัทปูนซีเมนต์ไทย บริษัท ปตท. จำกัด องค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็ก เป็นต้น  ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการประชุมหารือร่วมกันเพื่อสรุปงานและขอบเขตที่เอกชนได้ดำเนินการเรื่องของ SDGs มาอย่างต่อเนื่องเพื่อจัดทำแผนงานที่จะช่วยขับเคลื่อนให้ประเทศไทยสามารถตอบสนองต่อเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้ง 17 ข้อขององค์การสหประชาชาติได้ โดยที่ลักษณะการทำงานต้องเป็นการหนุนเสริมและไม่ซ้ำซ้อนกันเพื่อให้เกิดความรวมเร็วในการขับเคลื่อนการทำงานในเรื่องนี้


นอกจากนี้  สศช.ได้รับฟังข้อเสนอแนะจากผู้แทนภาคเอกชน เกี่ยวกับข้อคิดเห็นและแนวทางการขับเคลื่อนร่วมกันเพื่อปิดช่องว่างการพัฒนาของไทยในด้านต่างๆและขอให้เอกชนที่มีการส่งเสริมการใช้แนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน ถ่ายทอดการทำงานที่สำเร็จไปยังผู้ประกอบการรายย่อยที่เป็นเอสเอ็มอี เพื่อให้เกิดการพัฒนาธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั้งซัพพายเชนเพื่อนำไปสู่การพัฒนาสู่ความยั่งยืนได้อย่างเป็นรูปธรรม  


สำหรับ ประเทศไทยตั้งเป้าหมายเพื่อมุ่งสู่การลดการปล่อยคาร์บอนให้กลายเป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2050 ซึ่งสอดล้องกับทิศทางของโลกที่ต่อไปการนำเข้าสินค้า และบริการในยุโรป และประเทศพัฒนาแล้วในหลายประเทศ จะมีการนำเอาปัจจัยเรื่องการปล่อยคาร์บอนมาพิจารณาร่วมด้วย ดังนั้นในเรื่องนี้ต้องมีการส่งเสริมการพัฒนารูปแบบธุรกิจให้บริการพลังงานทางเลือก การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาทักษะที่เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน


ที่มา : สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  

ภาพประกอบ: พีอาร์ บ้านปู


ข่าวแนะนำ