รื้อบัญชียา-ค่ารักษาโรงพยายาบาลเอกชน
ค่ายา ค่ารักษาพยาบาลโรงพยาบาลเอกชนที่สูงลิ่ว กลายเป็นประเด็นในสังคมที่ไม่พูดถึงไม่ได้ ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ ได้เข้ามากำกับดูแลอย่างจริงจังเพื่อจัดการให้การกำหนดราคายาและค่ารักษาของแต่ละโรงพยาบาลเกิดความเหมาะสม ประชาชนได้รับความเป็นธรรมมากที่สุด
ทำไม?..ราคายา..ถึง..แพง
เป็นคำถามที่หลายคนน่าจะเคยตั้งคำถาม ซึ่งแน่นอนว่า ยาจากโรงพยาบาลเอกชนย่อมมีราคาสูงกว่าโรงพยาบาลรัฐหรือร้านขายยาแน่ๆ โดยราคายาจากโรงพยาบาลเอกชนบางแห่งสูงกว่าราคายาทั่วไปตั้งแต่ 300-16,000 % ทำให้กลายเป็นเรื่องราวร้องเรียนของบรรดาผู้ป่วยเกี่ยวกับราคายาที่แพงมหาโหดดังกล่าว
ต้นทุนราคายา
ในการคิดราคายา ที่แน่นอนว่า โรงพยาบาลเอกชนมีราคาแพงที่สุดเมื่อเทียบกับร้านขายยาและโรงพยาบาลรัฐ เพราะโรงพยาบาลเอกชนเป็นสถานที่รักษาที่อำนวยความสะดวกต่างๆ ไว้พร้อมให้บริการ ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนสูง และแสวงหากำไร ทำให้ราคายาสูงกว่าราคาทั่วไป
แล้วหน่วยงานไหนต้องมาดูแล?
ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ต้องเข้ามากำกับดูแลอย่างจริงจัง โดยยกเอาประกาศตามมติคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ(กกร.) ให้นำยารักษาโรค เวชภัณฑ์ ค่าบริการรักษาพยาบาล เข้าอยู่ในบัญชีควบคุม โดยผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา และได้เรียกโรงพยาบาลเอกชน 353 แห่งทั่วประเทศ มารับฟังและชี้แจงว่าต้องทำอะไร รวมถึงสร้างความเข้าใจและเป็นธรรมระหว่างกัน
โรงพยาบาลเอกชนต้องปฏิบัติตามอย่างไร
กรมการค้าภายใน ได้เน้นย้ำในประเด็นทุกโรงพยาบาลต้องแจ้งรายละเอียด ราคาซื้อและจำหน่ายยาในกลุ่มบัญชีเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตและรายการยาที่มีการจำหน่ายสูงสุด รวม 3,992 รายการมายังกรมฯภายใน 45 วัน นับจากออกประกาศ หรือไม่เกินวันที่ 12 กรกฎาคมนี้ ส่วนราคาเวชภัณฑ์ 868 รายการ และค่าบริการอีก 5,286 รายการ ให้แจ้งภายใน 22 กรกฎาคม โดยกรมฯจะนำมาประมวลกับข้อมูลรอบด้านกับบัญชียาของกรมบัญชีกลาง เป็นต้น และตรวจสอบว่าราคายาที่แต่ละโรงพยาบาลคิดกับคนป่วยนั้นเหมาะสมและไม่ค้ากำไรเกินควร จากนั้นจะส่งราคาจำหน่ายถึงผู้ป่วยที่เหมาะสมในยาแต่ละชนิด ว่าไม่ควรจะเกินเท่าไหร่ จากนั้นจะนำข้อมูลขึ้นเว็บไซต์กรมฯ และให้ทุกโรงพยาบาลทำคิวอาร์โค้ด ให้ผู้ป่วยได้รับทราบ ว่าการเข้ารักษาในโรงพยาบาลต้องมีค่าใช้จ่ายเรื่องยา ค่าบริการ เท่าไหร่ เพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชน โดยจะสามารถเช็คได้ตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคมที่จะถึงนี้
ผู้บริโภคมีทางเลือก หากไม่ต้องการซื้อยาราคาแพงได้
นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า นอกจากรายการยารักษาโรค ยัง ได้ย้ำให้ทุกโรงพยาบาลออกใบสั่งยาที่ระบุว่าเป็นโรคอะไร รายละเอียดของยาและราคายาที่ผู้ป่วยที่เข้ารักษาต้องจ่ายเป็นเท่าไหร่ เพื่อให้ผู้ป่วยมาทางเลือกหากต้องการซื้อยานอกโรงพยาบาล และหากมีการเปลี่ยนแปลงราคายา ราคาเวชภัณฑ์ หรือค่าบริการสำต้องมีการแจ้งกับกรมฯล่วงหน้าก่อนเปลี่ยนแปลงราคา 15 วัน หากไม่มีการแจ้งถือว่าผิดกฎกหมายขายเกินราคา มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
โดยประชาชนหรือผู้ป่วยที่เข้ารับบริการสามารถขอดูรายละเอียดค่าใช้จ่ายต่างๆก่อนได้ เช่น การวินิจฉัยโรคเบื้องต้น ประเมินค่ารักษา ค่ายา เพื่อให้ผู้ป่วยตัดสินใจได้ ว่าต้องการจะรักษากับโรงพยาบาลนั้นหรือไม่
กำหนดเพดานกำไรขั้นสูง และราคาจำหน่ายสูงสุดจะเป็นมาตรการสุดท้ายหากจำเป็น
อธิบดีกรมการค้าภายใน เชื่อว่าหลังวันที่ 12 กรกฎาคม การเก็บค่ายาค่ารักษาเกินพอดีจะไม่มีแล้ว ส่วนเรื่องร้องเรียนยังมีประปรายอาจเพราะต้องรอดูหลังมีผลใช้จริง ซึ่งหากมีผู้ป่วยร้องเรียนจากนี้ก็จะนำเข้าคณะกรรมการดูแลเรื่องนี้โดยตรง พิจารณาเป็นกรณีๆ หากพบพฤติกรรมผิดจริงก็จะส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่หากยังมีบางโรงพยาบาลยังไม่ปรับราคาใกล้เคียงกับราคาที่กรมฯพิจารณา ก็จะเชิญมาสอบถามและขอความร่วมมือ แต่หากยังฝ่าฝืนก็จะเพิ่มมาตรการกำหนดเพดานกำไรขั้นสูง และราคาจำหน่ายสูงสุด เพื่อให้โรงพยาบาลเก็บราคาจนเกินจริง ซึ่งจะเป็นมาตรการสุดท้ายที่จะใช้
ส่วนแนวคิดทำโครงการโรงพยาบาลธงฟ้านั้น กรมการค้าภายในยังไม่ได้ข้อสรุปว่ารูปแบบจะเป็นอย่างไร ต้องรับฟังข้อคิดเห็นจากทุกฝ่ายก่อน เบื้องต้นอาจใช้การจัดเกรดเหมือนโรงแรม แล้วติดดาวแทน เช่นโรงพยาบาล 5 ดาว โรงพยาบาล 4 ดาว เป็นต้น
ข่าวแนะนำ
-
ราคาทองคำเคลื่อนไหวผันผวน
- 10:41 น.