10 ข่าวเด่นแห่งปี ลำดับที่ 3/10 'มัดรวมโลกโซเชียล' เชื่อหรือไม่ POPCAT กลายเป็นวาระแห่งชาติ!
มัดรวมข่าวเด็ดโซเชียลปี 64 ล็อกดาวน์แต่ไม่ล็อกอินเตอร์เน็ตดรามาเกิดได้ทุกวัน ใครจะเชื่อเรื่องเล็กๆกลายเป็นวาระแห่งชาติ ให้แชร์กันว่อนสังคมโลกออนไลน์
ใกล้จะผ่านพ้นไปแล้วสำหรับปี 2564 ถึงแม้จะเป็นปีที่เราอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด คนไทยถูกจำกัดความเคลื่อนไหวและกิจกรรมต่างๆจากนโยบายการควบคุมโรค แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่ยังขับเคลื่อนอยู่ได้นั่นคือโซเชียลมีเดีย ใน 1 ปีที่ผ่านมามีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้นมากมายเรามาดูกันว่าตลอดทั้งปี 2564 ชาวเน็ตพูดถึงเรื่องอะไรกันบ้าง TNN ONLINE ได้รวบรวม 10 อันดับมาให้แล้วดังนี้
อันดับ 10 ปรากฏการณ์ต้อนรับ ‘พระมหาเทวีเจ้า' หัวลำโพงแทบแตก
บรรดาเยาวรุ่นเมืองทิพย์ คงไม่มีใครไม่รู้จัก ‘พระมหาเทวีเจ้า’ หรือ แม่หญิงลี เน็ตไอดอลคนดังที่มาแรงในโลกออนไลน์โด่งดังมาจากการทำคลิปตลกบนโลกโซเชียล โดยมีคลิปตลกคือได้ไปทำผมร้านเสริมสวยที่มีเจ้าของร้านชื่อทิพย์ แล้วมีการถ่ายคลิปไปด้วย พอทำไปทำมาก็เกิดการวีน จากนั้นก็ด่าทอออกมา กลายเป็นที่มาของ "แม่หญิงลี เจ๊อย่าวีน" ซึ่งก็มีคนชื่นชอบจนถูกแชร์อย่างแพร่หลายในโลกออนไลน์
สำหรับคำว่า พระมหาเทวีเจ้า ได้รับแรงบันดาลใจมาจากละครเรื่อง "เพลิงพระนาง" ที่มีชุปตาร์ของเมืองไทยอย่าง "อั้ม พัชราภา" เป็นนางเอก ก็เลยนำมาตั้งตั้งเป็นชื่อ บวกกับชื่อ ทิพย์ เจ้าของร้านทำผม ก็เลยเป็นที่มาของ พระมหาเทวีเจ้าแห่งเมืองทิพย์ โดย เมืองทิพย์ ณ ที่นี้ความหมายเฉพาะกลุ่ม แปลว่าไม่มีอยู่จริง
กระแสความชื่นชมของพระมหาเทวีเจ้าส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์สถานีรถไฟหัวลำโพงแทบแตก เมื่อ 5 มีนาคมที่ผ่านมา แม่หญิงลี เดินทางมากรุงเทพด้วยรถไฟ ก็มีแฟนคลับเฝ้ารอรับเยอะเกินคาด และปังต่อไม่หยุดถึงขนาดที่พจน์ อานนท์ ดึงตัวมาเล่นภาพยนตร์เลยทีเดียว
อันดับ 9 ใครก็อยากเฉลยจริงๆแล้ว ‘ฉันเป็นประธานบริษัท’
นับเป็นประโยคฮิตติดปากโพสต์กันว่อนโลกโซเชียลเลยทีเดียวสำหรับ จริงๆแล้ว ‘ฉันเป็นประธานบริษัท’ โดยมีที่มาจากละครสั้นคุณธรรมที่เป็นที่นิยมกันในโลก TikTok โดยเนื้อหาจะ มีคติสอนใจไม่ให้ตัดสินคนจากภายนอก ดูถูกคนที่แต่งตัวไม่ดี เพราะเขาอาจจะเป็นคนรวยปลอมตัวมา หรือ จริงๆแล้วอาจจะเป็นคนที่มียศ ตำแหน่งใหญ่ๆ ซึ่งเอกลักษณ์ของละครสั้นคุณธรรมเนื้อหาจะดำเนินไปอย่างง่ายๆ ตัวละครมีเล่นแข็งบ้าง จนถูกชาวเน็ตเอามาล้อเลียนกันบ่อยครั้ง แต่ก็ยังเป็นที่นิยมอยู่ดี
ประโยค ‘ฉันเป็นประธานบริษัท’ เป็นกระแสดังยิ่งขึ้นเมื่อดาราสาวควบตำแหน่งผู้บริหาร อย่าง พลอย ชิดจันทร์ ที่ทำช่องละครคุณธรรมลง TikTok จนมีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก ซึ่งผลงานที่เป็นกระแสล่าสุดได้แก่ คลิปสายลับรปภ. โดยมีเนื้อหาในทำนองที่ว่า ผู้บริหารได้ปลอมตัวเป็นรปภ.มาทำหน้าที่แทนรปภ.คนเดิมที่ถูกทำร้าย ต่อมาได้ทดสอบนิสัยของลูกน้องในบริษัทว่าเป็นคนอย่างไร ก่อนจะเฉลยภายหลังว่าจริงๆแล้ว ‘ฉันเป็นประธานบริษัท’ ก่อนจะใช้อำนาจของประธานบริษัทไล่ออกและพักงานผู้ที่ละเลยหน้าที่ต่อไป
ซึ่งวัตถุประสงค์หลักของละครคุณธรรมของ พลอย ชิดจันทร์ ต้องการสอนคนว่า ไม่ว่าคุณจะทำอาชีพอะไร เราไม่ควรประเมินค่าของคนจากอาชีพที่เขาทำ และ ไม่ว่าคุณจะมีเส้นสายมาจากไหนกฏก็ต้องเป็นกฏ ถึงเนื้อหาหรือแม้กระทั่งบทพูดจะดูเชยไปสักเล็กน้อยแต่ก็เป็นที่นิยมในโลก TikTok แต่ละตอนของสายลับรปภ.มียอดวิว 6-7 แสนวิวเลยทีเดียว และกลายมาเป็นที่มาของคำว่า ‘ฉันเป็นประธานบริษัท’ ที่ติดแฮชแท็กกันว่อนโลกโซเชียลในขณะนี้
อันดับ 8 มิติใหม่วงการไลฟ์สดขายของ 10 นาที ‘พิมรี่พาย’ กวาด 100 ล้าน
เป็นที่ฮือฮาสะเทือนวงการไลฟ์ขายของในคืน Black friday หลัง แม่ค้าออนไลน์ เน็ตไอดอลชื่อดังอย่าง พิมรี่พาย เปิดไลฟ์ขายของเป็นเครื่องสำอางกล่องสุ่มผ่านเพจพิมรี่พายขายทุกอย่าง โดยมีราคากล่องละ 1 แสนบาท หลังจากมีบล็อกเกอร์บิวตี้รายหนึ่งได้ถามว่าจะจัดกล่องสุ่มเครื่องสำอางไหมราคา 1 แสนบาท จะนำไปทำคลิป
มีหรือที่แม่ค้าคนดังจะไม่จัดให้โดยใช้รหัสรวย 1 บวกค่าส่ง 111 บาท ผลปรากฏว่าผ่านไป 10 นาทีมีคน CF รัวๆ 1 พันกล่องทำให้ยอดขายพุ่งทะลุไป 100 ล้านเลยทีเดียวแม้แต่คนขายยังอึ้งกับความเปย์ของลูกค้า นับว่าเป็นมิติใหม่ของการไลฟ์ขายของเลยทีเดียว
อันดับ 7 วิจารณ์สนั่น ดรามาแอดมินกลุ่มบุพเฟต์ ขอร้านดังกินฟรี
เกิดเป็นกระแสดรามาอันร้อนแรงของวงการรีวิวบุฟเฟต์ เมื่อแอดมินกลุ่มบุฟเฟต์ในเฟซบุ๊ก ไปขอรีวิวร้านบุฟเฟต์ดังสยามสแควร์วัน โดยได้คูปองมา 2 ใบ แต่อ้างทีมงานมี 4 คน โดยขอกินฟรีเพิ่มอีก 2 คน แลกกับถ่ายรีวิวร้าน โดยระบุ "รีวิวคือการมาทานแล้วคนทานไม่เสียเงิน" แต่ทางร้านปฏิเสธข้อเสนอ และโดนแอดมินคนดังกล่าวข่มขู่ว่าจะแบนร้าน โดยระบุว่า “ทางกลุ่มบุฟเฟต์ขอแบนร้าน ถ้าทางร้านอยากเสียสมาชิกเกือบ 1 ล้านคนในกลุ่ม กับมูลค่าที่หายไปก็ตามใจ ในเมื่อแลกกับมูลค่าความรู้สึกที่เสียไป”
ต่อมาได้เกิดกระแสตีกลับ หลังสมาชิกกลุ่มได้โพสต์สอบถาม โดยแอดมินกลุ่มรีวิวคนดังกล่าวได้พยายามลบคอมเม้นท์ที่พาดพิง นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการปิดคอมเม้นท์ของสมาชิกในกลุ่มบางคนด้วย ต่อมามีการขุดประวัติของแอดมินรายนี้ที่เคยรีวิวไว้ รวมทั้งการทำคูปองที่ได้ฟรีจากร้านไปขายต่อ
ต่อมาทำให้สมาชิกเฟซบุ๊กที่อยู่ในกลุ่มดังกล่าว ออกมาวิจารณ์และตั้งข้อสังเกตถึงกลุ่มนี้ โดยสมาชิกกลุ่มบางรายมองว่า กลุ่มขับเคลื่อนด้วยสมาชิก แต่กลุ่มดันเอาสมาชิกมาเป็นแต้มเพื่อรับผลประโยชน์ แบบนี้ไม่โอเคมากๆ บัตรกินฟรีต่างๆ ที่ได้มาจากร้านอาหารควรจัดกิจกรรมแจกให้กับสมาชิกในกลุ่มบ้างตามโอกาส ไม่ใช่ตกถึงมือแอดมินบางคน
ขณะที่ สมาชิกบางคนขอออกจากกลุ่มดังกล่าว เพราะมองว่า การที่แอดมินนำตัวเลขสมาชิกในกลุ่มไปหาผลประโยชน์ส่วนตัว แถมยังข่มขู่ที่จะลบเนื้อหาของแบรนด์ที่ข่มขู่ไม่สำเร็จ โดยกระทำการเป็นมาเฟียคอยควบคุมเนื้อหา มองว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง และไม่อยากเป็นหนึ่งในตัวเลขผลงาน ที่ให้ผู้ดูแลเอาไว้ใช้ข่มขู่เพื่อหาผลประโยชน์ส่วนตัวอีกด้วย
สุดท้ายเมื่อทนกระแสสังคมไม่ได้แอดมินคนดังกล่าวได้ออกมาโพสต์ข้อความพร้อมเช็กอินสถานที่เป็นร้านที่เกิดเหตุ โดยระบุว่า "จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผมรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งต่อสิ่งทำไป ทั้งข้อความและกิริยาใดๆก็ตามที่ไม่ดีและไม่เหมาะสม ที่เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบของผม จากการทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น ผมขอโทษและขออภัยร้านผมขอรับความผิดไว้เพียงผู้เดียว และจะนำบทเรียนที่เกิดขึ้นครั้งนี้มาปรับปรุงแก้ไข และระมัดระวังคำพูดและการกระทำต่างๆ ในอนาคตให้มากขึ้น
อันดับ 6 เมียหลวงถือทะเบียนสมรสบุกงานแต่งสามี-เมียน้อย เดือดกันข้ามคืน บ้านใหญ่พากันลุกฮือ!
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องราวของรักสามเศร้าสามี ภรรยา และ ภรรยาน้อยยังเป็นกระแสร้อนได้อยู่ตลาดเวลาหากไฟโซเชียลโหมกระพือ รับรองว่าวอดวายกันไปหมดแน่นอน โดยเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมามีกระแสข่าวต้อนรับเดือนแห่งความรักเมื่อมีคลิปว่อนโซเชียลของสมาชิกผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้ออกมาเผยเรื่องราวขณะที่ตนเองบุกไปยังงานแต่งงานของสามีตนเองกับภรรยาน้อย ซึ่งทางเจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าวระบุว่า ตนเองยังจดทะเบียนสมรสกับสามีอยู่ พร้อมทั้งโชว์หลักฐานใบทะเบียนสมรส จะมาจัดงานแต่งแบบนี้ได้อย่างไร
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงผูกข้อมือ และมีแขกมาร่วมงานจำนวนมาก ซึ่งภายในคลิปได้มีการทะเลาะและมีปากเสียงกัน
โดยทางเจ้าบ่าวได้ไล่หญิงสาวที่เป็นภรรยาหลวงออกไปจากงาน เพราะนี่ไม่ใช่ครอบครัวของตน จนสุดท้ายหญิงสาวคนดังกล่าวต้องออกไปจากงาน และงานแต่งก็ยังคงดำเนินต่อไป ทั้งนี้ เรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ อ.เมืองชัยนาท โดยภรรยาถือทะเบียนสมรสเข้าไปด้วย จนเกิดภาพที่มีการโต้เถียงกับฝ่ายชาย ที่เธอระบุว่าเป็นสามีแต่ฝ่ายชายและเจ้าสาวกลับทำท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาว และไล่เธอออกจากงาน จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องราวที่เกิดขึ้น
โดยเรื่องราวดังกล่าวส่งผลกระทบต่อไปกันเป็นทอดๆ โดยฝ่ายสามีมีอาชีพเป็นตำรวจ ทางต้นสังกัดจึงมีคำสั่งให้มีการสืบสวนข้อเท็จจริง หากพบว่ามีมูลความผิดที่ขัดต่อวินับตำรวจ ซึ่งก็จะมีโทษในหลายระดับตามความรุนแรงของความผิดที่มีตั้งแต่โทษกักบริเวณ ไปจนถึงให้ออกจากราชการ
ขณะที่ภรรยาคนที่ 2 ถูกร้านทองที่ตนเองทำงานอยู่ไล่ออกพร้อมร่อนแถลงการณ์ระบุว่า ภรรยาน้อยคนดังกล่าว ได้พ้นสภาพจากการเป็นพนักงานของห้างทอง ตั้งแต่ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไป ทางห้างทอง จะไม่ขอรับผิดชอบ ต่อการกระทำใดๆ ทั้งสิ้น
สำหรับตัวภรรยาหลวงเหมือนฟ้าหลังฝนเนื่องจากได้กำลังใจจากชาวโซเชียลและถึงขนาดที่ว่าคลีนิคศัลยกรรมได้เสนอแปลงโฉมให้สวยกว่าเดิม อีกทั้ง
ดาราสาวเมียหลวงยืนหนึ่งอย่าง ธัญญ่า ธัญญาเรศ ออกมาโพสต์ให้กำลังใจ และตั้งโครงการพิเศษช่วยเหลือเมียหลวง นอกจากจะให้คำปรึกษาแล้ว ยังระดมทุนมาช่วยเหลือลูก ๆ ของเมียหลวงที่ถูกทิ้งด้วยตอนนี้ได้ติดต่อสปอนเซอร์ไปแล้วด้วย แต่ถ้าเป็นเมียน้อยแบบไม่ได้ตั้งใจ หรือถูกหลอกให้เป็นบ้านเล็กเธอก็จะรับพิจารณาด้วย
อันดับ 5 ‘บูลลี่หม่อมลูกปลา’ภายนอกนั้นสำคัญไฉน
ประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ที่ไม่พูดถึงไม่ได้สำหรับ ‘ดรามาบูลลี่หม่อมลูกปลา’ งจากมีคลิปจากช่อง Youtube ช่องหนึ่ง ทำคลิปด้วยการนำผู้หญิงสองคนไปยืนขอกอดผู้ชายที่เดินผ่านไปมาแถวสยาม โดยคนหนึ่งเป็นหญิงสาววัยรุ่น หน้าตาดี หุ่นผอม ขณะที่อีกคนนั้นเป็นหญิงอ้วนวัยกลางคน ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงเพื่อทดสอบว่าคนไหนจะถูกกอดมากกว่ากัน
คลิปวิดีโอดังกล่าวเผยให้เห็นเหตุการณ์ของหญิงสาวรูปร่างผอม แกล้งไปขอกอดผู้ชายที่เดินผ่านไปมา พบว่ามีคนยินยอมให้กอดถึง 6 คน ส่วนผู้หญิงอีกคนที่มีรูปร่างอ้วนกว่า เข้าไปขอกอด แต่ส่วนใหญ่ถูกปฏิเสธ ซึ่งผลสรุปได้กอดเพียง 1 กอดเท่านั้น นอกจากไม่ได้กอดยังถูกด่าทออีกด้วยซึ่งฝั่งของหญิงรูปร่างท้วมวัยกลางคนนั้นคือ ‘หม่อมลูกปลา’ อดีตชายาของ “หม่อมเจ้าฐิติพันธุ์ ยุคล" หรือ “ท่านกบ” ที่เคยเป็นข่าวดังเมื่อหลายสิบปีก่อน ส่วนสาวผอมนั้นคือ“ปิ๊ง จิดาภา” นักแสดงสาวละครพื้นบ้านจากช่อง 7
คลิปดังกล่าวตกเป็นที่วิจารณ์อย่างมาก คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการนำผู้หญิง 2 คน มาเปรียบเทียบกันแบบนี้ ซึ่งนอกจากความอ้วนผอมแล้ว อีกฝ่ายยังเด็กกว่า แต่งหน้าเต็ม ส่วนตัวหม่อมลูกปลานั้นไม่ได้แต่งหน้า และทำผม ยิ่งทำให้ความแตกต่างที่ชัดเจน คล้ายเป็นการเอาหม่อมลูกปลามาบูลลี่
ต่อมาทางรายการได้อธิบายถึงที่มาของคลิปว่าทำขึ้นเพื่อไม่อยากให้คนทั่วไปตัดสินคนที่ภายนอก แต่ยิ่งถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นการบูลลี่คนอ้วน เนื่องจากในท้ายที่สุดแล้ว บทสรุปของการถ่ายคลิปนั้นเพื่อต้องการที่จะโฆษณาอาหารเสริมยี่ห้อหนึ่งนั่นเอง
ต่อมาช่างแต่งหน้าชื่อดัง "น้องฉัตร" ได้ออกมาแต่งหน้าเปลี่ยนลุคใหม่ให้กับ "หม่อมลูกปลา" ให้งดงาม สวยในแบบของตัวเอง พร้อมระบุผ่านVLOG ว่า จากกระแสดราม่า คนอ้วนคนผอม จึงเป็นอีกหนึ่งความท้าทาย ว่า ไม่ว่ารูปร่างจะอ้วนหรือผอม หากดูแลตัวเอง คนเราก็สวยได้ อยากเอาความสวยจากภายในออกมา อยากทำให้รู้สึกว่า คนเราจริงๆ มาจากภายใน ภายนอกเป็นองค์ประกอบ จึงอยากทำให้รู้สึกว่า มีโมเมนต์ที่สวยอีกครั้ง และสวยแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน น้องฉัตรยังบอกอีกว่า "ความสวยที่โดดเด่นคือเสน่ห์ที่แตกต่าง ความสวยแต่ละคนไม่เหมือนกัน อยากให้สวยแบบที่ตัวคุณเป็นครับ"
อันดับ 4 ‘พิมรี่พายจัดใหญ่ให้เด็กดอย’จัดงานวันเด็กครั้งเดียวสะเทือนวงการศึกษา
เป็นข่าวเป็นกระแสต้อนรับปี 2021 หลังแม่ค้าออนไลน์และเน็ตไอดอลชื่อดังอย่าง ‘พิมรี่พายรี่พาย’ ได้นำเสนอคลิปที่สะท้อนใจใครหลายๆคนผ่านช่องยูทูปและเพจส่วนตัว โดยเธอระบุชื่อคลิปว่า ‘สุขสันต์วันเด็ก พิมรี่พายจัดใหญ่ให้น้องบนดอยสูง ’ ซึ่งพิมรี่พายได้เข้า ช่วยเหลือเด็กบนดอยสูงที่หมู่บ้านแม่เกิบ ในอ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ว่าเป็นหมู่บ่านที่กันดารและการศึกษาเข้าไม่ถึงที่สุดในประเทศไทย โดยสภาพความเป็นอยู่ของเด็กๆไม่มีแม้กระทั่งรองเท้าใส่ อาบน้ำก็ต้องอาบทั้งเสื้อผ้า อาบเสร็จคือการซักผ้าในตัว ต้องอยู่อย่างแร้นแค้นเนื่องจากพ่อแม่ไม่มีรายได้ แม้กระทั่งไข่เจียวก็ไม่เคยได้รับประทาน อาหารประจำวัน คือน้ำพริกกับเกลือ อาหารอย่างดีที่ชาวบ้านนำมาต้อนรับคือแกงหนูนาซึ่งหาได้ยากมาก
พิมรี่พายจึงตัดสินใจทุ่มเงินจำนวนทั้งหมดกว่า 5 แสนบาท เพื่อทำโซลาร์เซลล์ผลิตไฟฟ้า พร้อมกับซื้อทีวี เครื่องอุปโภคบริโภค รองเท้าให้เด็ก พร้อมกับอุปกรณ์สร้างแปลงผักเพื่อให้ชาวบ้านสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ดีขึ้น
โดยคลิปวีดีโอเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่บนเพจส่วนตัวของ พิมรี่พาย ซึ่งในระยะเวลาแค่ 1 วันมียอดแชร์กว่าสองแสนครั้ง แต่มีผู้รับชมเกือบสิบล้านครั้ง จากข้อมูลปัจจุบันคลิปดังกล่าวติดอันดับ 2 ยอดนิยมแห่งปี 2021 ของ Youtube
อย่างไรก็ตาม วิดีโอดังกล่าวได้ก่อให้เกิดกระแสดราม่าไม่น้อยเนื่องจากมีอีกฝ่ายออกมาให้ข้อมูลว่าพิมรี่พายไม่ได้บริจาคแค่คนเดียวแต่มีคนอื่นเข้าร่วมด้วย และ ทางกศน.อมก๋อยและศศช.แม่เกิบได้ออกมาชี้แจงว่าเด็กๆไม่ได้อยู่กันอย่างกันดารมากแบบคลิปที่พิมรี่พายกล่าวอ้าง นอกจากนี้ยังมีห้ามรับบริจาคของทุกประเภทจากหน่วยงานภาคีหรือเครือข่ายอื่นๆ ก่อนที่จะยกเลิกโดยระบุว่าเป็นการสื่อสารผิดพลาด
อันดับ 3 ชาวไทยเดือดร้อนถูกดูดเงินผ่านบัญชีไม่รู้ตัวตั้งสูญนับร้อยล้าน
นับกระแสที่เป็นฝันร้ายของคนไทยที่นิยมการทำธุรกรรมผ่านอินเตอร์เน็ตเลยทีเดียวหลังจากที่ เพจดัง Drama Addict ได้เผยข้อความจากลูกเพจ วานนี้ พร้อมรูปบัญชีธนาคาร ซึ่ง แอดมินระบุว่า “วันก่อนที่จ่าลงว่ามีคนฝากเตือนว่าเขาถูกหักบัตรเดบิตไป 470 กว่ารายการ ทั้งที่ไม่ได้เอาบัตรไปผูกกับบัญชีอะไรเลย ไม่รู้โดนได้ไง ตอนนี้มีผู้เสียหายในลักษณะเดียวกันเขามารวมกลุ่มกันสองร้อยกว่าคน เข้าไปดูในกลุ่มแล้ว ทุกคนโดนแบบเดียวกันหมด คือจู่ๆก็ถูกหักเงินจากบัตร แล้วขึ้นรายละเอียดว่า ชำระเงินผ่าน EDC แล้วโดนคนนึงหลายสิบรายการ แต่ละรายการ เป็นเงินไม่มาก หลักสิบ หลักร้อย แต่รวมๆกัน เยอะน่าดู รวมๆเป็นหมื่นเลย เกิดอะไรขึ้นเนี่ย”
ทั้งนี้ผู้เสียหายในกรณีดังกล่าวจะถูกตัดบัญชีผ่านการทำรายการ EDC ครั้งละจำนวนไม่มาก แต่มีการทำรายการหลายครั้งจนเป็นเงินจำนวนมาก ขณะนี้กลุ่มผู้เสียหายได้รวมตัวกันตั้งกลุ่ม “แชร์ประสบการณ์โดนหักเงินจากบัญชีโดยไม่รู้ตัว”เพื่อแชร์ประสบการณ์ความเสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยมีผู้เสียหายเข้าร่วมกลุ่มเป็นจำนวนนับแสนราย
โดยผู้เสียหายรายหนึ่งได้แจ้งเตือนไปยังประชาชนทั่วไปให้สังเกตบัญชีตนเองว่ามียอดผิดปกติที่ไม่ได้ใช้หรือไม่ถึงจะเป็นยอดน้อยๆก็ตาม หากมีให้รีบติดต่อธนาคารโดยด่วน
หลังจากนั้นธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมธนาคารไทย ได้ออกมาชี้แจงเหตุการณ์ดังกล่าวแล้วโดยระบุว่าไม่ได้เกิดจากการรั่วไหลของข้อมูลจากธนาคาร แต่เป็นรายการที่เกิดจากการทำธุรกรรมชำระค่าสินค้าและบริการกับร้านค้าออนไลน์ที่จดทะเบียนในต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ และไม่ใช่ แอปดูดเงิน ตามที่ปรากฏเป็นข่าว
ต่อมาธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ สมาคมธนาคารไทย ระบุว่าตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม มีบัตรที่มีการใช้งานผิดปกติจากเหตุข้างต้นจำนวน 10,700 ใบ กรณีที่ตรวจสอบพบว่าลูกค้าได้รับผลกระทบจากการทุจริตตามข้างต้น กรณีบัตรเดบิต ลูกค้าจะได้รับการคืนเงินภายใน 5 วันทำการ ส่วนกรณีบัตรเครดิต ธนาคารจะยกเลิกรายการดังกล่าว ลูกค้าไม่ต้องชำระเงินตามยอดเรียกเก็บที่ผิดปกติ และจะไม่มีการคิดดอกเบี้ย
อันดับ 2 วงการพืชประดับมาแรง! ไม้ด่าง-บอนสี ราคาแพงระยับมูลค่านับล้าน
นับว่าเป็นกระแสที่มาแรงจริงๆในปีนี้สำหรับวงการไม้ประดับจำพวกไม้ด่าง บอนสีซึ่งซื้อขายกันแสนหรือล้านบาท ซึ่งในโลกโซเชียลมีการแชร์ข่าวของ ”มอนสเตอร่า ด่างพันธุ์มิ้นต์” ที่มีคนซื้อขายกันในราคา 1.4 ล้านบาท โดย ร้านขายต้นไม้ของเพจดังกล่าว ชื่อว่า “ร้านสวนปลูกรัก” ตั้งอยู่ภายในตลาดต้นไม้อินโดจีน การ์เด้น อำเภอเมืองพิษณุโลกได้โพสต์ขาย ”มอนสเตอร่า ด่างพันธุ์มิ้นต์” เพียงวันเดียวก็มีคนขอซื้อไปในราคา 1.4 ล้านบาท อย่างไรก็ตามปรากฏว่ามีบางคนไม่เชื่อว่าจะขายได้ในราคานี้จริง จนเกิดเป็นกระแสดรามา
นอกจากนี้จากการสำรวจของผู้สื่อข่าวพบอีกว่า มีการซื้อขายกล้วยด่างแดงอินโดในราคาแพงลิ่วถึง 3 ล้านบาท ที่จังหวัดราชบุรี ที่ฟาร์มกล้วยด่างอวตาร โดยลูกค้าที่ซื้อไปนั้นเป็นเจ้าของธุรกิจเกี่ยวกับฟิล์มกรองแสงอยู่ที่บางนาตราด กรุงเทพฯ โดยมองว่าเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง และหวังว่าจะเพาะพันธุ์นำไปขายต่อไป จากข้อมูล Google เทรนด์ คำค้นยอดนิยมประจำปี 2564 คำว่าต้นบอนสี มาเป็นอันดับ 1 ในหมวดต้นไม้ และคำว่ากล้วยด่าง มาเป็นอันดับ 5
อันดับ 1 รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทยรัวนิ้ว ‘popcat’ ขึ้นอันดับ 1 ของโลก
ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อสำหรับกระแส ‘popcat’ หลังจากเกิดกระแสบนโลกโซเชียล ชวนกันเล่นเกม POPCAT เป็นวงกว้างจนส่งผลให้ #popcat ติดเทรนด์ทวิตเตอร์เป็นอันดับ 1 โดย ‘popcat’ นั้นเป็นมินิเกมบนเว็บไซต์หน้าแมวหุบปาก-อ้าปากโดยวิธีการเล่นก็คือการคลิก หรือใช้นิ้วสัมผัสไปบนหน้าจอ ให้ภาพแมวเปลี่ยนเป็นอ้าปาก และจะมีการคะแนน จำนวนคลิกไปเรื่อยๆ โดยคะแนนจะถูกนำไปรวมกับจำนวนคลิกของทั้งประเทศ และไปจัดอันดับในตารางอันดับแบบเรียลไทม์ ซึ่งคนไทยไม่แพ้ในโลกกระหน่ำช่วยกันคลิกปากแมวจนทะยานขึ้นอันดับที่ 1 ของโลกประหนึ่งว่าการคลิกปากแมวนี้เป็นวาระของชาติเลยทีเดียว
โดย POPCAT เป็นเกมที่พัฒนาขึ้นโดย นักศึกษาสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัย Sheffield ในประเทศอังกฤษ 3 คนได้แก่ Edward Halis , Joshua O’Sullivan และ Freddy Heppell ซึ่งมีแนวคิดมาจากการนำมีมดังๆมาสร้างบนเว็บไซต์ ซึ่งเจ้าแมวที่ทั้ง 3 คนเลือกมาชื่อเจ้า Oatmeal นั่งอ้าปากร้องแอะๆตามประสาแมวขณะที่มันกำลังจับแมลง
คำว่าวาระของชาติไทยคงไม่เกินจริงเนื่องจากการสำรวจของ Google trend คำค้นยอดนิยมประจำปี 2564 ของประเทศ คำว่า POPCAT มาเป็นอันดับ 3 รองจากคำว่าเราชนะ , โครงการคนละครึ่ง และ ชนะคำว่าวัคซีนโควิดอีกด้วย
ภาพจาก : TNN ONLINE