ย้อนคดีดัง 'สรยุทธ สุทัศนะจินดา' จนถึงวันได้รับอิสรภาพ รอวันหวนกลับสู่หน้าจอ
ย้อนคดี 'สรยุทธ สุทัศนะจินดา' จากวันแรกจนถึงวันปล่อยตัวได้รับอิสรภาพ เตรียมหวนกลับสู่หน้าจอทำหน้าที่สื่ออีกครั้ง
เรียกว่าเป็นข่าวที่ทุกคนให้ความสนใจเป็นอย่างมากสำหรับกรณีของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตพิธีกรและนักเล่าข่าวชื่อดัง หลังวันนี้ได้รับการพิจารณาพักโทษโดยเหตุพิเศษ และได้รับการปล่อยตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เมื่อช่วงเช้าวันนี้ 14 มีนาคม เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ผ่านมา
หากย้อนเรื่องราวถึงปมเหตุของคดีดังกล่าวนี้เริ่มจาก ในปี 2548-2549 ผู้บริหาร อสมท ได้พบความผิดปกติที่ข่าวเที่ยงคืนออกอากาศช้ากว่าที่กำหนด และพบว่าบริษัทไร่ส้ม จำกัด ส่งคิวโฆษณาเกินข้อตกลง จึงมีการตั้งกรรมการสอบเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
ต่อมา 20 ตุลาคม 2549 บริษัทไร่ส้ม ชำระเงินส่วนเกินโฆษณาส่วนเกินให้ อสมท 138 ล้านบาท รวมทั้งภาษีมูลค่าเพิ่ม และดอกเบี้ยรวมเป็นเงิน 152 ล้านบาท ขณะที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบหลักฐานกระทำความผิด และเช็คสั่งจ่ายลงลายมือชื่อนายสรยุทธ เพื่อตอบแทนนางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด หรือนางชนาภา บุญโต อดีตพนักงานจัดทำคิวโฆษณาเป็นเงินรวม 7 แสนบาท
เรื่องถูกส่งต่อไปให้ คณะกรรมการป.ป.ช.ไต่สวนจนกระทั่งวันที่ 20 กันยายน 2555 ป.ป.ช.มีมติ 7 ต่อ 0 ชี้มูลความผิด นางพิชชาภา มีความผิดวินัยร้ายแรง และ มีมูลความผิดอาญา ส่วนนายสรยุทธ และพวกมีมูลความผิดอาญาฐาน สนับสนุนพนักงานกระทำความผิด
วันที่ 29 ก.พ.2559 ศาลชั้นต้นตัดสินจำคุกนายสรยุทธ 13 ปี 4 เดือน ไม่รอลงอาญา แต่ศาลยังอนุญาตให้ประกันตัวจำเลย วงเงินประกันคนละ 2 ล้านบาท
วันที่ 29 สิงหาคม 2560 ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนจำเลยทั้งหมดตามศาลชั้นต้น แต่ครั้งนี้ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวนายสรยุทธถูกคุมตัวไปขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
วันที่ 12 กันยายน 2560 ศาลอนุญาตให้จำเลยทั้งหมดประกันตัวระหว่างยื่นฎีกา วงเงินประกัน คนละ 5 ล้านบาท โดยศาลกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล และให้รายงานตัวทุก 3 เดือน
วันที่ 21 มกราคม 2562 ถือเป็นวันสิ้นสุดคดี และปิดตำนานนักเล่าข่าวอย่างนายสรยุทธที่เข้ารับโทษตามคำพิพากษาเป็นเวลา 6 ปี 24 เดือน
ล่าสุดวันนี้ 14 มีนาคม 2564 นายสรยุทธ ได้รับการปล่อยตัว เจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ได้นำนายสรยุทธ ขึ้นรถตู้ออกจากเรือนจำ เดินไปยังสำนักงานคุมประพฤติกรุงเทพมหานคร 7 หลักสี่ เพื่อติดกำไล EM คือตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2564 - 20 พฤษภาคม 2565 และต้องรายงานตัวกับกรมคุมประพฤติตามกำหนดจนกว่าจะพ้นโทษคือในวันที่ 26 กรกฏาคม 2566 รวม 2 ปี 4 เดือน
นายสรยุทธ เป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม ได้รับพระราชทานอภัยโทษ โดยการลดโทษมาแล้ว 2 ครั้งเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 2563 และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2563 กำหนดโทษหลังสุด 3 ปี 6 เดือน 20 วัน ซึ่งรับโทษจำคุกมาแล้ว 1 ปี 2 เดือน 6 วัน คงเหลือโทษจำคุก 2 ปี 4 เดือน 14 วัน
ทั้งนี้ นายสรยุทธ ได้รับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของกำหนดโทษ และเหลือโทษที่ต้องได้รับต่อไปอีกไม่เกิน 5 ปี ถือว่าเป็นประโยชน์ของผู้ต้องขังตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 จึงมีคุณสมบัติครบตามหลักเกณฑ์การพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ
วันนี้นายสรยุทธ ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกดีใจที่ทุกคนไม่ลืมกัน การอยู่ในเรือนจำถือว่าเป็นการจบคดีความและดีใจที่ได้มีวันนี้ เพราะจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง
ส่วนจะกลับสู่หน้าจอเมื่อไหร่นั้น ขอกลับไปคิด และปรับตัวก่อนว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ เพราะไม่ได้ทำงานมา 5 ปี อีกทั้งโลกปัจจุบัน ข้อมูลข่าวสาร ก็เปลี่ยนไป มีสื่อมากมายจะทำอย่างไรให้คนกับมาติดตามข่าว แต่ยืนยันยังอยู่กับช่องเดิม
ด้านนายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมควบคุมประพฤติ ได้กล่าวว่า ขณะที่อยู่ในเรือนจำ นายสรยุทธ ถูกปฏิบัติเหมือนนักโทษคนอื่นๆ ไม่ได้รับสิทธิพิเศษใดๆ นายสรยุทธ จะต้องรายงานตัวต่อกรมควบคุมประพฤติทุกเดือน ซึ่งกำไล EM เป็นเครื่องมือที่ช่วยติดตามตัว
สำหรับเงื่อนไขการพักโทษต้องไม่ให้เข้าใกล้เรือนจำ ไม่ให้ขึ้นเครื่องบิน หากมีความจำเป็นต้องขออนุญาตก่อน ไม่ประกอบอาชีพ หรือทำธุรกิจ หรือ ธุรกรรมกับบุคคลที่มีคดีความ ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ไม่ให้เป็นพิธีกรหรือโฆษกในงานที่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง แต่ยังสามารถให้ข้อมูลข่าวสารภายใต้จรรยาบรรณของวิชาชีพได้ตามปกติ