"บุญทรง" พักโทษ จำนำข้าว...ตราบาปนโยบายประชานิยม?
"บุญทรง" พ้นโทษ คดีจำนำข้าว! ย้อนรอยนโยบายประชานิยม สู่หายนะทางเศรษฐกิจ บทเรียนราคาแพงที่ไทยต้องจดจำ!
"ปล่อยตัว 'บุญทรง' พักโทษ: ย้อนรอยโครงการจำนำข้าวและผลกระทบต่อประเทศ"
การปล่อยตัว "บุญทรง เตริยาภิรมย์" อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ด้วยเงื่อนไขพักโทษเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2567 นำมาสู่การทบทวนนโยบายจำนำข้าวที่มีผลต่อระบบเศรษฐกิจไทย
"โครงการรับจำนำข้าว" เป็นนโยบายที่เริ่มต้นในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร โดยไม่จำกัดโควตาและกำหนดราคารับซื้อสูงกว่าท้องตลาดถึง 50% (15,000-20,000 บาทต่อตัน) แม้จะได้รับความนิยมในกลุ่มเกษตรกร แต่ผลลัพธ์กลับสร้างผลกระทบในวงกว้าง
รายงานการศึกษาในปี 2557 พบว่า กลุ่มที่ได้รับประโยชน์หลักคือเกษตรกรรายกลางและรายใหญ่ในพื้นที่ชลประทานภาคกลางและภาคเหนือตอนล่าง โดยมีต้นทุนสวัสดิการประมาณ 1.2 แสนล้านบาท ส่งผลต่อกลไกตลาดและคุณภาพข้าวในภาพรวม
การดำเนินโครงการพบความท้าทายหลายประการ รวมถึงการคาดการณ์ด้านการระบายข้าวที่ไม่เป็นไปตามแผน เมื่อสิ้นสุดโครงการในปี 2557 มีข้าวคงค้างถึง 18 ล้านตัน ส่งผลต่อการส่งออกข้าวไทยเนื่องจากต้นทุนที่สูงขึ้น และยังพบข้าวคงค้างอีก 220,000 ตัน ในปี 2565
ด้านผลกระทบทางการเงิน มีการประเมินตัวเลขที่แตกต่างกัน โดยองค์การคลังสินค้าประเมินการขาดดุลงบประมาณที่ 5 แสนล้านบาท ขณะที่บางแหล่งอ้างตัวเลขสูงถึง 9.5 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม มีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับความถูกต้องของตัวเลขความเสียหาย
คดีที่เกี่ยวข้องกับการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (G2G) นำไปสู่การดำเนินคดีกับหลายฝ่าย รวมถึง "บุญทรง" ที่ถูกตัดสินจำคุก 48 ปี นอกจากนี้ องค์การคลังสินค้ายังได้ดำเนินการฟ้องร้องอีก 1,143 คดี ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการโรงสีและเจ้าของโกดัง
บทเรียนสำคัญจากนโยบายนี้แสดงให้เห็นว่า การออกแบบนโยบายสาธารณะจำเป็นต้องมีการวางแผนที่รอบคอบและมีระบบตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันผลกระทบระยะยาวต่อเศรษฐกิจ ทั้งในด้านภาระหนี้สาธารณะ ความเชื่อมั่นต่อนโยบายรัฐ และแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรในอนาคต
การพักโทษของ "บุญทรง" จึงไม่เพียงเป็นการจบบทลงโทษส่วนบุคคล แต่ควรนำไปสู่การพัฒนาระบบธรรมาภิบาลในการบริหารประเทศอย่างยั่งยืน เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติในระยะยาว
ภาพ กระทรวงพาณิชย์
ข่าวแนะนำ