TNN คริปโตเคอร์เรนซี: โอกาส หรือ ช่องโหว่ ในการฟอกเงิน?

TNN

TNN Exclusive

คริปโตเคอร์เรนซี: โอกาส หรือ ช่องโหว่ ในการฟอกเงิน?

คริปโตเคอร์เรนซี: โอกาส หรือ ช่องโหว่ ในการฟอกเงิน?

คริปโตเคอร์เรนซี: โอกาสหรือช่องโหว่? สำรวจประโยชน์และความเสี่ยงของ Bitcoin, Ethereum, USDT ในระบบการเงิน พร้อมบทบาทของ ปปง. ในการตรวจสอบธุรกรรมคริปโตกว่า 8 พันล้านบาทในกรณี “ดิไอคอนกรุ๊ป” เรียนรู้กลยุทธ์การฟอกเงินด้วยคริปโต และข้อเสนอแนะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบ.


การเติบโตของคริปโตเคอร์เรนซี เช่น Bitcoin, Ethereum และ USDT ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระบบการเงิน ด้วยการทำธุรกรรมที่รวดเร็ว ปลอดค่าธรรมเนียมตัวกลาง และมีความเป็นส่วนตัวสูง อย่างไรก็ตาม คริปโตเคอร์เรนซีกลับถูกวิจารณ์ว่ากลายเป็นเครื่องมือที่ผู้ไม่หวังดีใช้ในการฟอกเงิน ซ่อนทรัพย์สิน และยักย้ายถ่ายเทเงินข้ามพรมแดน


ล่าสุดในกรณี “ดิไอคอนกรุ๊ป” มีการตรวจสอบธุรกรรมคริปโตมูลค่ากว่า 8 พันล้านบาท ซึ่งเชื่อมโยงกับการกระทำความผิด หน่วยงานรัฐอย่าง ปปง. (สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน) และตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบเส้นทางการเงินที่ซับซ้อน บทความนี้จะพาผู้อ่านสำรวจทั้งประโยชน์ ความเสี่ยง และบทบาทของหน่วยงานรัฐในการตรวจสอบคริปโตเคอร์เรนซี เพื่อชี้ให้เห็นว่าเป็นโอกาสหรือช่องโหว่ในระบบการเงิน


ความเสี่ยงของคริปโตเคอร์เรนซี: ความเป็นส่วนตัวหรือความเสี่ยงแฝง?


คริปโตเคอร์เรนซีมีความเป็นส่วนตัวสูง เนื่องจากธุรกรรมทั้งหมดถูกบันทึกในระบบ บล็อกเชน ที่เปิดเผยแต่ไม่ผูกกับข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรง ทำให้ผู้กระทำผิดสามารถใช้วิธีการโอนเงินระหว่างหลายกระเป๋า (wallet) เพื่อปกปิดที่มาและปลายทางของเงิน


วีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายอิสระ แสดงความคิดเห็นว่า การแปลงเงินบาทเป็นสกุลเงินดิจิทัลและโอนผ่านคริปโตเคอร์เรนซีอาจมีหลายวัตถุประสงค์ ไม่ว่าการหลบเลี่ยงธุรกรรมทางการเงิน  โดยเขาเน้นว่า “แม้การยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินผ่านคริปโตเคอร์เรนซีจะมีศักยภาพในการซ่อนเร้นทรัพย์สิน แต่ยังไม่สามารถสรุปได้อย่างแน่ชัดว่าการกระทำเช่นนี้เกิดขึ้นจริงหรือมีเจตนาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย”


วีรพัฒน์ ยังอธิบายเพิ่มเติมว่า ด้วยความโปร่งใสของบล็อกเชน แม้ทุกธุรกรรมจะถูกบันทึกไว้ แต่ความยากในการเชื่อมโยงที่อยู่กระเป๋าเงินกับตัวบุคคลจริงทำให้กระบวนการตรวจสอบซับซ้อนยิ่งขึ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องใช้เครื่องมือและข้อมูลหลายแหล่งเพื่อตรวจสอบและพิสูจน์เจตนาหรือพฤติกรรมที่น่าสงสัยอย่างรอบคอบ


กลยุทธ์การซ่อนเร้นและฟอกเงินด้วยคริปโตเคอร์เรนซี


นอกจากการโอนเงินผ่านหลายกระเป๋าเงินแล้ว ผู้กระทำผิดมักใช้บริการ Crypto Mixers หรือ Tumblers ซึ่งช่วยผสมธุรกรรมหลายรายการเข้าด้วยกัน ทำให้ยากต่อการตรวจสอบเส้นทางการเงิน การแยกเงินเป็นจำนวนเล็ก ๆ แล้วโอนเข้ากระเป๋าหลายใบ หรือที่เรียกว่า Smurfing ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยลดโอกาสในการถูกตรวจสอบ


การใช้ Stablecoin อย่าง USDT ที่มีมูลค่าคงที่ ยังช่วยให้ผู้กระทำผิดสามารถโอนเงินโดยไม่ต้องกังวลกับความผันผวนของตลาดคริปโต และเมื่อฟอกเงินเสร็จ ผู้กระทำผิดอาจแปลงคริปโตเป็นสินทรัพย์อื่น เช่น ทองคำ หรืออสังหาริมทรัพย์ เพื่อลดความเสี่ยงในการถูกตรวจสอบ


โอกาสของคริปโตเคอร์เรนซีในธุรกิจและการเงิน


แม้จะมีความเสี่ยง แต่คริปโตเคอร์เรนซียังเปิดโอกาสสำคัญในเชิงธุรกิจและการเงิน เช่น การโอนเงินข้ามประเทศ ซึ่งช่วยลดค่าธรรมเนียมและเวลาที่ใช้ในการดำเนินธุรกรรม โดยเฉพาะในภาคสตาร์ทอัพและธุรกิจระหว่างประเทศ


นอกจากนี้ คริปโตยังช่วยให้กลุ่มคนที่ไม่มีบัญชีธนาคาร (Unbanked) สามารถเข้าถึงระบบการเงินได้ วีรพัฒน์มองว่า “แม้คริปโตจะไม่ใช่สิ่งผิดกฎหมาย แต่ผู้ใช้งานต้องมีความระมัดระวัง เพราะเจตนาการโอนเงินผ่านคริปโตเคอร์เรนซีสามารถถูกตีความได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของการใช้งาน”


ความท้าทายของการตรวจสอบธุรกรรมคริปโต: ภารกิจของรัฐ


สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีหน้าที่สำคัญในการตรวจสอบและยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน โดยเฉพาะเมื่อคริปโตเคอร์เรนซีกลายเป็นเครื่องมือที่ถูกใช้เพื่อยักย้ายและซ่อนเร้นทรัพย์สิน ปปง. เผชิญความท้าทายในการติดตามเส้นทางธุรกรรมบนเครือข่ายบล็อกเชน ซึ่งแม้จะโปร่งใส แต่การระบุตัวตนของผู้โอนและผู้รับเงินยังทำได้ยาก หน่วยงานต้องอาศัยเครื่องมือวิเคราะห์เฉพาะทาง เช่น Chainalysis และ CipherTrace รวมถึงความร่วมมือจากผู้ให้บริการกระดานเทรดคริปโต (Exchange) และธนาคาร


แม้ ปปง. จะมีอำนาจในการยึดอายัดทรัพย์สินชั่วคราวหากพบความเชื่อมโยงกับการกระทำผิด แต่การตรวจสอบคริปโตนั้นซับซ้อนและต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานต่างประเทศ เนื่องจากธุรกรรมเหล่านี้สามารถดำเนินการข้ามพรมแดนได้อย่างรวดเร็ว การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ เช่น Crypto Mixers และการใช้ Stablecoin ยังทำให้เส้นทางการเงินยากต่อการติดตามยิ่งขึ้น 


ดังนั้น การออกกฎหมายที่ทันสมัยและการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในยุคดิจิทัล


ข้อเสนอแนะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบ


เพื่อรับมือกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้น หน่วยงานรัฐจำเป็นต้องพัฒนากฎหมายและกระบวนการตรวจสอบให้ทันสมัย ควรมีการใช้เทคโนโลยีเช่น AI และ Machine Learning เพื่อช่วยตรวจจับธุรกรรมที่น่าสงสัยอย่างมีประสิทธิภาพ


นอกจากนี้ การให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับความเสี่ยงและวิธีใช้คริปโตเคอร์เรนซีอย่างปลอดภัยก็มีความสำคัญ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ตกเป็นเหยื่อของการฟอกเงินและอาชญากรรมทางการเงิน


สรุป: โอกาสหรือช่องโหว่?


คริปโตเคอร์เรนซีเป็นทั้งโอกาสและความเสี่ยง ขณะที่มันช่วยให้การทำธุรกรรมทางการเงินสะดวกและเข้าถึงได้มากขึ้น แต่ก็เปิดช่องโหว่ให้กับการฟอกเงินและซ่อนทรัพย์สิน หน่วยงานรัฐจึงต้องพัฒนาศักยภาพในการตรวจสอบธุรกรรมดิจิทัล และสร้างความร่วมมือกับต่างประเทศ


ดังที่ อ. วีรพัฒน์กล่าวไว้ “คริปโตเคอร์เรนซีเป็นเทคโนโลยีที่ไม่ผิดกฎหมายในตัวเอง แต่การใช้งานของมันต่างหากที่ต้องจับตามอง” การพัฒนากฎระเบียบและการสร้างความตระหนักรู้ในสังคมจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้คริปโตเคอร์เรนซีเป็นโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจ มากกว่าที่จะกลายเป็นช่องโหว่ในการฟอกเงิน.



ภาพ Freepik 

อ้างอิง คำให้สัมภาษณ์ของ วีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายอิสระ

รายงานจาก ปปง. และเอกสารของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน

กรณีศึกษาด้านอาชญากรรมทางการเงิน

ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซี / เว็บไซต์และบทความจากแหล่งข้อมูลเชิงวิชาการ

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง