เปิด 6 ข้อกล่าวหา "ทักษิณ-พท." ถูกร้องศาลรัฐธรรมนูญ.
เปิด 6 กรณี 'ธีรยุทธ' ร้องศาลรัฐธรรมนูญอัด 'ทักษิณ-เพื่อไทย' ข้อหาล้มล้างการปกครอง
วันที่ 10 ตุลาคม 2567 วงการการเมืองไทยต้องสั่นสะเทือนอีกครั้ง เมื่อนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร อดีตทนายความพระพุทธะอิสระ ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้วินิจฉัยสั่งให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย ยุติการกระทำที่เข้าข่ายล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยระบุพฤติการณ์ 6 ประการที่เข้าข่ายเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันฯ
กรณีที่ 1: การหลีกเลี่ยงโทษจำคุก
นายธีรยุทธกล่าวหาว่า หลังจากนายทักษิณได้รับพระราชทานอภัยโทษ เขาได้ใช้พรรคเพื่อไทยเป็นเครื่องมือในการสั่งการรัฐบาล ผ่านกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ตนเองไม่ต้องรับโทษจำคุกในเรือนจำแม้แต่วันเดียว โดยให้ไปพักรักษาตัวที่ชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจแทน
กรณีที่ 2: การเอื้อประโยชน์ให้ต่างชาติ
นายธีรยุทธระบุว่า นายทักษิณมีพฤติกรรมฝักใฝ่และร่วมคิดกับสมเด็จฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยควบคุมการบริหารของรัฐบาลผ่านพรรคเพื่อไทย ในการเจรจาแบ่งปันผลประโยชน์ก๊าซธรรมชาติและทรัพยากรใต้ทะเลในเขตพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา ในลักษณะที่เอื้อประโยชน์ให้กับกัมพูชา ทั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นอธิปไตยของประเทศไทย
กรณีที่ 3: การแทรกแซงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ข้อกล่าวหาต่อมาคือ นายทักษิณสั่งการให้พรรคเพื่อไทยร่วมมือกับพรรคประชาชนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งนายธีรยุทธมองว่าเป็นการกระทำที่อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการปกครองของประเทศ
กรณีที่ 4: การแทรกแซงการเลือกนายกรัฐมนตรี
นายธีรยุทธยังกล่าวหาว่า นายทักษิณมีพฤติกรรมเป็นเจ้าของ ครอบครอง และสั่งการแทนพรรคเพื่อไทยในการเจรจากับพรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาล เพื่อเสนอบุคคลผู้สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 ที่บ้านพักจันทร์ส่องหล้า หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน สิ้นสุดลง
กรณีที่ 5: การแทรกแซงพรรคร่วมรัฐบาล
นายธีรยุทธกล่าวว่า นายทักษิณมีพฤติกรรมเป็นผู้สั่งการให้พรรคเพื่อไทยมีมติขับพรรคพลังประชารัฐออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล โดยพรรคเพื่อไทยยินยอมตามคำสั่งดังกล่าว
กรณีที่ 6: การครอบงำนโยบายรัฐบาล
ข้อกล่าวหาสุดท้ายคือ นายทักษิณมีพฤติการณ์เป็นผู้ครอบงำและสั่งการให้พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นำนโยบายที่นายทักษิณได้แสดงวิสัยทัศน์ไว้เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2567 ไปเป็นนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงไว้ต่อรัฐสภาในวันที่ 12 กันยายน 2567
การปฏิเสธข้อกล่าวหา "มือปืนรับจ้าง"
นายธีรยุทธปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าเป็น "มือปืนรับจ้าง" ทางการเมือง โดยยืนยันว่าไม่ได้รับคำสั่งจากใคร แม้แต่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเขาไม่เคยรู้จักหรือพบหน้ามาก่อน อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่าได้ขอคำปรึกษาจากนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการยื่นคำร้องนี้
ท่าทีของพรรคพลังประชารัฐ
นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ได้ออกมายืนยันว่า พรรคไม่ได้มอบหมายให้นายธีรยุทธยื่นคำร้องแต่อย่างใด แต่ยอมรับว่ารู้จักนายธีรยุทธในฐานะทนายความอิสระ และมีการพูดคุยเรื่องกฎหมายกันเป็นการส่วนตัว
การยื่นคำร้องของนายธีรยุทธต่อศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของการเมืองไทยในปัจจุบัน โดยเฉพาะในประเด็นเกี่ยวกับการใช้สิทธิและเสรีภาพของพรรคการเมืองและนักการเมือง คำร้องที่ระบุถึงพฤติการณ์ 6 ประการนั้น ครอบคลุมตั้งแต่การใช้อิทธิพลทางการเมืองเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ไปจนถึงการกำหนดนโยบายของรัฐบาล ซึ่งล้วนเป็นประเด็นที่มีความอ่อนไหวและส่งผลกระทบในวงกว้าง
ข่าวแนะนำ