TNN แก้ที่ ‘รถ’ ไม่ใช่คำตอบ? ถนน-จิตสำนึก คือ กุญแจสำคัญ ลดอุบัติเหตุ

TNN

TNN Exclusive

แก้ที่ ‘รถ’ ไม่ใช่คำตอบ? ถนน-จิตสำนึก คือ กุญแจสำคัญ ลดอุบัติเหตุ

แก้ที่ ‘รถ’ ไม่ใช่คำตอบ? ถนน-จิตสำนึก คือ กุญแจสำคัญ ลดอุบัติเหตุ

School Bus ไม่ใช่คำตอบเดียว! ถนน จิตสำนึก กุญแจสำคัญแก้ปัญหาความปลอดภัยนักเรียน

เหตุไฟไหม้รถบัสนำนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จังหวัดอุทัยธานี ไปทัศนศึกษา เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 23 ราย ทั้งนักเรียนและครู ถือเป็นโศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญครั้งใหญ่ กระตุ้นให้สังคมตั้งคำถามถึงมาตรฐานความปลอดภัยของรถโดยสารนักเรียนในประเทศอีกครั้ง 


จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า รถบัสคันดังกล่าวมีอายุใช้งานมานานถึง 53 ปี และมีการติดตั้งถังก๊าซ NGV มากกว่าที่ได้รับอนุญาตถึงเกือบเท่าตัว  จึงเกิดเสียงเรียกร้องถึงความจำเป็นในการนำรถ School Bus สีเหลืองแบบที่ใช้ในประเทศสหรัฐอเมริกามาใช้กับรถโรงเรียนในประเทศไทยบ้าง เพราะมีมาตรฐานความปลอดภัยสูงกว่ารถทั่วไปถึง 70 เท่า แต่นักวิชาการบางท่านกลับมองว่า การนำระบบของต่างชาติมาใช้ในบ้านเรา อาจไม่ใช่ทางออกที่ยั่งยืนนัก และต้องพิจารณาปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ร่วมด้วย


School Bus อเมริกันใช้เทคโนโลยีระดับสูงเพียบ


รถ School Bus ในประเทศสหรัฐอเมริกา ผ่านการออกแบบมาเป็นอย่างดีเพื่อความปลอดภัยโดยเฉพาะ ตั้งแต่โครงสร้างตัวถังที่แข็งแรงทนทาน ภายในกว้างขวางแต่แบ่งสัดส่วนชัดเจนไม่ให้ผู้โดยสารนั่งแออัดเกินไป เบาะนั่งมีพนักพิงสูงเพื่อป้องกันการกระแทกบริเวณศีรษะและคอ ติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ล้ำสมัย ทั้งกล้องวงจรปิด ระบบนำทาง GPS เทคโนโลยีป้องกันการชน ประตูหนีไฟหลายทิศทาง ช่องทางฉุกเฉินบนหลังคาและข้างตัวรถ พื้นรถทำจากวัสดุต้านทานการลุกลามของเปลวไฟ พร้อมมีถังดับเพลิงอัตโนมัติ ล่าสุดเริ่มปรับเปลี่ยนเป็นรถโรงเรียนขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น 


นอกจากเทคโนโลยีตัวรถแล้ว กฎหมายยังบังคับให้ผู้ขับขี่รถยนต์ทั่วไปต้องจอดรถคอยเมื่อรถ School Bus เปิดสัญญาณไฟกะพริบนำนักเรียนข้ามถนน และคนขับรถโรงเรียนเองต้องผ่านการอบรมเข้มงวดเป็นพิเศษ ทั้งในเรื่องการควบคุมรถ ทักษะการปฐมพยาบาล การใช้อุปกรณ์ดับเพลิง รวมถึงเทคนิคการสื่อสารและการดูแลเด็กๆ โดยต้องมีวิชาชีพนี้เป็นงานหลัก ทั้งหมดทำให้ราคาของรถ School Bus อยู่ที่ประมาณ 3 ล้านบาทต่อคัน แลกกับความปลอดภัยที่มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด


นำ School Bus มาใช้ในบ้านเราง่ายๆ ดีหรือไม่?


ดร.ตฤณห์ โพธิ์รักษา นักอาชญาวิทยาเชิงจิตวิทยาและพฤติกรรมอาชญากร จากคณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล   ได้วิเคราะห์ประเด็นความปลอดภัยบนท้องถนนสำหรับนักเรียนไทยอย่างลึกซึ้ง โดยชี้ให้เห็นว่าการนำรถ School Bus จากต่างประเทศมาใช้ในไทยอาจไม่ใช่ทางออกที่เหมาะสม  เนื่องจากความแตกต่างด้านสภาพแวดล้อมและจิตสำนึกของคนในประเทศ ดร.ตฤณห์ เน้นย้ำความสำคัญของการศึกษาและวิจัยอย่างรอบคอบก่อนนำมาปรับใช้ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและเหมาะสมกับบริบทของสังคมไทย


ในประเด็นความปลอดภัยของรถนักเรียน ดร.ตฤณห์  ชี้ให้เห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำซาก โดยอุบัติเหตุรถนักเรียนเกิดขึ้นบ่อยครั้งจนมีเด็กเสียชีวิต แม้จะมีการตื่นตัวชั่วคราวหลังเกิดเหตุ แต่ปัญหาก็ยังคงอยู่และไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง นอกจากนี้  ยังเชื่อมโยงไปถึงปัญหาความไม่ปลอดภัยของรถโดยสารสาธารณะในกรุงเทพฯ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการปรับปรุงระบบขนส่งสาธารณะโดยรวมเพื่อความปลอดภัยของประชาชน


นอกจากตัวรถเองแล้ว สภาพถนนก็ต้องพร้อมด้วย เพราะรถเหล่านี้ไม่ได้ออกแบบมาให้เหมาะสำหรับถนนคุณภาพต่ำหรือถนนสภาพแย่โดยเฉพาะ หากนำมาใช้กับถนนขรุขระเป็นหลุมบ่ออาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม ทั้งๆ ที่รถมีความปลอดภัยในตัวเอง 


ถนนไร้คุณภาพ: ผลพวงจากการโกง


การก่อสร้างและซ่อมแซมถนนให้ได้มาตรฐาน  เป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อความปลอดภัยในการเดินทาง  และการพัฒนาประเทศ  แต่ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน  กลับเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ถนนหลายสายในประเทศไทย  ไม่ได้มาตรฐาน  เกิดความเสียหาย  และเป็นอันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนน


รูปแบบการทุจริตที่พบ  เช่น  การสมยอมราคาในการประมูล  การลักลอบใช้วัสดุด้อยคุณภาพ  การก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน  การเบิกจ่ายงบประมาณเกินจริง  ล้วนส่งผลให้ถนนมีอายุการใช้งานสั้น  ชำรุดทรุดโทรมเร็ว  เกิดหลุมบ่อ  แตกร้าว  น้ำท่วมขัง  เป็นต้น


ถนนที่ไม่ได้มาตรฐาน  ไม่เพียงสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ  สิ้นเปลืองงบประมาณ  แต่ยังเป็นภัยร้ายที่คร่าชีวิตผู้คน  จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น  สถิติจากศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุ  ThaiRSC  เปิดเผยว่า  ในปี  2566  มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน  กว่า  13,708  ราย  และบาดเจ็บกว่า  351,116  ราย  ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากสภาพถนนที่ไม่ปลอดภัย  


เร่งปลูกฝังจิตสำนึกคนใช้ถนน ควบคู่ไปกับอุปกรณ์และกฎระเบียบ

 

แค่การพัฒนาถนนและรถโรงเรียนให้ทันสมัย ปลอดภัย ก็ยังไม่เพียงพอ หากขาดการปลูกจิตสำนึกเรื่องการใช้รถใช้ถนนให้ถูกต้องเหมาะสมเสียก่อน จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนของไทย พบว่ามีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุมากกว่าหมื่นคนต่อปี ซึ่งพฤติกรรมเสี่ยงที่เป็นสาเหตุสำคัญล้วนมาจากการไม่มีวินัยจราจร ไม่ว่าจะเป็นการฝ่าฝืนสัญญาณไฟ ขับรถเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด จอดรถในที่ห้ามจอด ไม่เคารพกฎหมายจราจร ไม่สวมหมวกนิรภัยหรือคาดเข็มขัดนิรภัยขณะขับขี่ ขับรถตัดหน้ากระชั้นชิด แซงในที่คับขัน ขับรถประมาทขณะเมาสุรา เป็นต้น 


พฤติกรรมเหล่านี้ล้วนเกิดจากการขาดจิตสำนึก ขาดความรับผิดชอบ ไม่คำนึงถึงผู้อื่น โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงานตอนต้น และผู้ใช้รถจักรยานยนต์ จึงควรมุ่งปลูกฝังให้คนเหล่านี้มีจิตสำนึกรักษากฎจราจรมากขึ้น ตระหนักรู้ว่าการกระทำของตัวเองมีผลต่อความปลอดภัยในชีวิตของคนอื่นๆ บนท้องถนนด้วย


กล่าวโดยสรุป อุบัติเหตุรถนักเรียนไฟไหม้ ในครั้งนี้ ได้จุดประเด็นให้สังคมไทยหันมาให้ความสนใจกับเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยของรถโดยสารโรงเรียนกันมากขึ้น หลายฝ่ายอยากให้นำเข้าเทคโนโลยีรถ School Bus จากต่างประเทศ เพราะเชื่อว่าจะช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดเหตุร้ายลงได้ แต่ในความเป็นจริง การแก้ปัญหาไม่สามารถทำได้โดยอาศัยแค่การยกระดับคุณภาพรถอย่างเดียว จำเป็นต้องปรับปรุงถนนให้ดี มีสภาพพื้นผิวเรียบเนียน มีป้ายบอกทางชัดเจน รวมไปถึงการปลูกจิตสำนึกของผู้ใช้รถใช้ถนนให้มีวินัย เคารพกฎจราจร คำนึงถึงความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่นเป็นสำคัญ เมื่อทุกอย่างพร้อมสรรพ ทุกคนให้ความร่วมมือ เชื่อว่าปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนของไทยจะลดลงได้อย่างเห็นผล อัตราการเสียชีวิตจะลดลง และทุกครั้งที่ส่งลูกไปโรงเรียน พ่อแม่ผู้ปกครองจะมั่นใจได้ว่าลูกจะไปถึงโรงเรียนและกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย



อ้างอิง เว็บไซต์ ThaiRSC: https://www.thairsc.com/

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง