สรุปข่าว "เรือหลวงปืนลั่น" ทำความรู้จัก "เรือหลวงคีรีรัฐ" รับใช้ชาติมาแล้วกว่า 50 ปี
สรุปข่าว "เรือหลวงปืนลั่น" ทำความรู้จัก "เรือหลวงคีรีรัฐ" รับใช้ชาติมาแล้วกว่า 50 ปี
เหตุการณ์สะเทือนวงการทหารเรือ เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2567 เกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นบนเรือหลวงคีรีรัฐ ซึ่งเป็นเรือหลักในกำลังรบหลักของกองทัพเรือไทย โดยมีสาเหตุมาจากกระสุนปืน 76 มม. ของเรือหลวงชลบุรีลั่นใส่ท้ายเรือคีรีรัฐ ส่งผลให้เกิดไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว
จากเหตุการณ์ดังกล่าว มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 14 นาย ส่วนใหญ่เป็นการสำลักควันไฟ ซึ่งทางกองทัพเรือได้รีบแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริง พร้อมสั่งการให้เร่งรัดการให้การเยียวยารักษาผู้บาดเจ็บอย่างเร่งด่วน
วันต่อมา พล.ร.อ.ชาติชาย ทองสะอาด ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ได้แถลงสาเหตุเบื้องต้นว่า กระสุนปืนได้เกิดขัดข้องและติดค้างอยู่ในลำกล้องปืนของเรือชลบุรี ระหว่างการแก้ไขปัญหา กระสุนได้ลั่นไปยังเรือคีรีรัฐอย่างไม่ตั้งใจ
ต่อมาวันที่ 16 มีนาคม กองทัพเรือได้แจงเพิ่มเติมว่า เหตุกระสุนปืนลั่นนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นระหว่างการฝึกซ้อม แต่เกิดขึ้นระหว่างการแก้ไขกระสุนที่ขัดลำกล้อง
นอกจากนี้ พล.ร.อ.อะดุง พันธ์ุเอี่ยม ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือก็ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบความเสียหายด้วยตนเอง พร้อมเร่งให้การเยียวยารักษาผู้บาดเจ็บอย่างเต็มที่
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้สังคมตั้งคำถามถึงมาตรการความปลอดภัย และระบบป้องกันอุบัติเหตุของกองทัพเรือ รวมถึงการดูแลเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งจะเป็นบทเรียนสำคัญในการปรับปรุงและพัฒนาระบบให้มีความพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ร้ายแรงดังกล่าวในอนาคต
เหตุเพลิงไหม้เรือหลวงคีรีรัฐ จากกระสุนปืนของเรือหลวงชลบุรี ทำให้นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงความประมาทเลินเล่อของกองทัพเรือ ระบุ เป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้น จึงได้ตำหนิและสั่งให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาผู้รับผิดชอบ หากพบว่ามีการประมาทเลินเล่อก็ต้องลงโทษตามระดับความผิด แต่หากเป็นการกระทำโดยเจตนาก็ต้องลงโทษหนัก เพื่อเป็นบทเรียนและป้องกันไม่ให้เหตุร้ายแรงดังกล่าวเกิดขึ้นอีก
ทั้งนี้ นายสุทิน ระบุว่าตนเองรอรับรายงานผลสอบสวนจากกองทัพเรือโดยเร็ว ซึ่งเชื่อว่าคงไม่นานนักเพราะกองทัพเรือได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่พลทหารถูกกล่าวหาว่าซื้อชุดชั้นในมาซักให้นักศึกษาด้วย ซึ่งตนได้สั่งการให้สอบสวนเรื่องนี้เช่นกัน แม้คนที่แฉจะไม่ให้ความร่วมมือ แต่ทางกองทัพเรือก็ยังดำเนินการต่อไป คาดว่าสัปดาห์หน้าน่าจะมีความคืบหน้าในกรณีดังกล่าว
ประวัติเรือหลวงคีรีรัฐ
เรือหลวงคีรีรัฐ หมายเลขข้างลำเรือ 432 เป็นเรือรบชั้นฟริเกตขนาดกลางที่ปฏิบัติงานให้กับกองทัพเรือไทยมายาวนานกว่า 50 ปี นับตั้งแต่เข้าประจำการในปี พ.ศ. 2517 เรือลำนี้สังกัดอยู่กับกองเรือฟริเกตที่ 1 หมวดเรือที่ 1 กองเรือยุทธการ และถือเป็นหนึ่งในเรือที่มีความสามารถในการรบที่สมบูรณ์แบบ ทั้งในมิติการรบทางอากาศ บนผิวน้ำ และใต้น้ำ ด้วยขีดความสามารถดังกล่าว เรือหลวงคีรีรัฐจึงถือเป็นกำลังสำคัญของกองทัพเรือในการปฏิบัติภารกิจต่างๆ เพื่อปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติ
เรือหลวงคีรีรัฐ ถูกสั่งต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกาจากบริษัท Norfolk Shipbuilding & Drydock Corporation ในปี พ.ศ. 2515 หลังจากที่กองทัพเรือไทยได้สั่งต่อเรือฟริเกตลำแรกคือ เรือหลวงตาปีในปี พ.ศ. 2512 เรือลำนี้มีระวางขับน้ำเต็มที่ 1,138 ตัน จัดอยู่ในประเภทเรือฟริเกตตรวจการณ์ (Patrol Frigate) ซึ่งมีขนาดและสมรรถนะเหมาะสมกับการปฏิบัติภารกิจควบคุมการณ์และลาดตระเวนทางทะเล การวางกระดูกงูของเรือหลวงคีรีรัฐเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2515 และได้ขึ้นระวางประจำการอย่างเป็นทางการในวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2517
ด้วยบทบาทสำคัญในการเป็นเรือรบหลักของกองทัพเรือ เรือหลวงคีรีรัฐ จึงได้รับการติดตั้งอาวุธประจำกายที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูง ประกอบไปด้วย ปืนใหญ่เรือ OTO Melara ขนาด 76 มม. ปืนใหญ่กล Breda/Bofors ขนาด 40 มม. ปืนใหญ่กล Rheinmetall ขนาด 20 มม. ปืนกล U.S. Ordnance ขนาด 12.7 มม. แท่นปล่อยตอร์ปิโด Raytheon Mk 44 รวมถึงรางปล่อยระเบิดลึก Mk 9 สำหรับระเบิดลึก Mk 6 และ Mk 9 ด้วยประสิทธิภาพและความพร้อมรบที่ครบครัน เรือหลวงคีรีรัฐจึงคงสถานะเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของกองทัพเรือในการปฏิบัติภารกิจเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลมาจนถึงปัจจุบัน
ภาพ : กองทัพเรือ Royal Thai Navy
ข่าวแนะนำ