ขี่กระแส Metaverse หนุนหุ้นเทคมาแรง
Metaverse กลายเป็นจุดสนใจของทั่วโลกอีกครั้ง หลังจากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำหลายประเทศพุ่งเป้าบุกตลาดเต็มสูบ แต่จะต่อยอดสร้าง New S-Curve ใหม่ให้กับธุรกิจแค่ไหนหาคำตอบได้จาก ภาคภูมิ พีรยวัฒนา AFPT Wealth Manager ธนาคารทิสโก้
ครั้งแรกที่ Mark Zuckerberg ได้ประกาศวิสัยทัศน์ที่จะนำพา Facebook เดินหน้าไปสู่ Metaverse และเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Meta Platforms ประเด็นนี้ได้ก่อให้เกิดความตื่นเต้นและกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมายจากนักลงทุนถึงโอกาสและความเป็นไปได้ที่โลกของเราจะเดินหน้าเข้าสู่ “โลกเสมือนจริง” ซึ่งเปลี่ยนทุกอย่างรอบตัวเราให้กลายเป็นข้อมูลดิจิทัล
อย่างไรก็ตาม ความเคลือบแคลงสงสัยที่มีต่อ Metaverse อาจจะเริ่มจางหายไป เมื่อเราได้เห็นการรุกคืบของบรรดาบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกที่ได้ประ กาศควบรวมกิจการหรือออกมาแสดงวิสัยทัศน์ที่จะบุกตลาด Metaverse อย่างพร้อมเพรียงกัน ยกตัวอย่างเช่น Microsoft ที่ประกาศเข้าซื้อกิจการ
Activision Blizzard บริษัทผู้ผลิตเกมยอดฮิตอย่าง Call of Duty, World of Warcraft และ Candy Crush ด้วยมูลค่าที่สูงถึง 6.87 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อบุกตลาดเกมใน Metaverse
ซึ่งดีลนี้ส่งผลให้ Microsoft ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นอันดับ 3 ของโลกในอุตสาหกรรมเกมทันที รองจาก Tencent และ Sony
หรือในกรณีของ Nvidia บริษัทผู้นำด้านการผลิตการ์ดจอและหน่วยประมวลผลด้านกราฟิก (GPUs) ของโลกที่กำลังเดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับ Metaverse ที่ชื่อว่า “Omniverse” เพื่อให้นักออกแบบ นักวิจัยและวิศวกร เข้ามาทำงานร่วมกันและสร้างแบบจำลอง 3 มิติ เพื่อใช้ประโยชน์ในการจำลองสถานการณ์รูปแบบต่างๆ ภายในโลกเสมือนจริง
ขณะเดียวกัน ทางฝั่งซีกโลกตะวันออก บริษัทเกมและ Social Media ยักษ์ใหญ่ของจีนอย่าง Tencent ก็มีความตื่นตัวกับ Metaverse ไม่แพ้กัน โดย Tencent ได้ออกมาประกาศตั้งเป้าที่จะเข้าสู่ Metaverse ด้วยการเดินหน้าสร้าง Virsual Platform ของตัวเอง รวมไปถึงการใช้กลยุทธ์ที่เข้าไปถือหุ้นบริษัทเกมอย่าง Epic Games, Ubisoft ฯลฯ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรักษาตำแหน่งความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม
ด้วยความพร้อมในทุกๆ ด้านของ Tencent ที่มีทั้งธุรกิจเกม Social Media รวมถึง Cloud อยู่ในมือ ผนวกกับฐานลูกค้าจำนวนมหาศาลในประเทศจีน ทำให้นักวิเคราะห์หลายสำนักให้ทรรศนะว่า Tencent มีความได้เปรียบในการแข่งขันในการเดินหน้าเข้าสู่ Metaverse มากกว่า Meta Platforms เสียอีก
สิ่งเหล่านี้เป็นการชี้ให้เห็นว่า Metaverse คงไม่ใช่เพียงแค่โลกแห่งความฝัน แต่คือโลกแห่งความจริงที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ซึ่งถูกหนุนหลังโดยบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกที่ต่างมองเห็นถึงโอกาสในการสร้างการเติบโตที่ก้าวกระโดดครั้งสำคัญและถือเป็นการต่อยอดสร้าง New S-Curve ใหม่ให้กับธุรกิจ
PWC บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำระดับโลก ได้ประมาณการณ์มูลค่าตลาดรวม (Total Addressable Market) ของอุตสาหกรรม Metaverse ว่ามีแนวโน้มเติบโตจากระดับ 1.48 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2021 ขึ้นไปแตะระดับ 1.54 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2030 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยราว 26% ต่อปี
สะท้อนให้เห็นว่า Metaverse เป็นตลาดที่มีมูลค่ามหาศาลและมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็น Megatrends สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะว่าการใช้ประโยชน์จาก Metaverse ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่อุตสาหกรรมเกมหรือกิจกรรมเพื่อความบันเทิงต่างๆ เท่านั้น แต่ Metaverse จะเป็น Ecosystem ที่สามารถสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้กับอุตสาหกรรมอื่นๆ ในอนาคตด้วย
ยกตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมค้าปลีกและ E-commerce ที่ในอนาคตบรรดาบริษัทสินค้าแบรนด์เนมสามารถเปิดตลาดใหม่ด้วยการผลิตและออกแบบสินค้า เพื่อนำไปขายใน Metaverse ได้ ด้านผู้บริโภคเองก็สามารถเปิดประสบการณ์การชอปปิ้งสินค้าออนไลน์ด้วยการทดลองสินค้าแบบไม่ต้องผ่านหน้าร้าน แต่ผ่าน Metaverse
ในขณะเดียวกัน Metaverse ยังช่วยลดต้นทุนค่าเช่าให้กับผู้ประกอบการค้าปลีกได้เป็นอย่างดี หรืออย่างในอุตสาหกรรมการเงินและการลงทุน ที่ในอนาคตการทำธุรกรรมรูปแบบต่างๆ ใน Metaverse จะก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนด้วยสกุลเงินดิจิทัลมากขึ้น
ส่วนอุตสาหกรรมการแพทย์ในวันนี้ ก็ได้เริ่มมีการนำเทคโนโลยี Virtual ไปประยุกต์ใช้กับการผ่าตัดทางไกลและการจำลองการผ่าตัดเสมือนจริงแล้วหากมองถึงโอกาสในการลงทุนเพื่อเกาะ Megatrends ของ Metaverse ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต เราสามารถแบ่งกลุ่มธุรกิจที่จะได้รับประโยชน์จากเทรนด์นี้ออกได้เป็น 5 กลุ่มหลัก ได้แก่
1. กลุ่มบริษัทที่เป็นเจ้าของ Gaming Platform ยกตัวอย่างเช่น Tencent, Roblox, Unity Software
2. กลุ่มผู้ให้บริการ Social Network ยกตัวอย่างเช่น Meta Platforms, Snap
3. กลุ่มผู้ให้บริการ Cloud Solution และระบบ Cyber Security ยกตัวอย่างเช่น Microsoft, Amazon, Alphabet, Crowdstrike
4. กลุ่มผู้ผลิต Computing Components ยกตัวอย่างเช่น Nvidia, Advanced Micro Devices, Taiwan Semiconductor
5. กลุ่มผู้ให้บริการด้าน Infrastructure ยกตัวอย่างเช่น T-Mobile, AT&T, Verizon Communications
แม้ในปัจจุบัน บริษัทเทคโนโลยีส่วนใหญ่ยังไม่ได้มีรายได้หลักโดยตรงมาจาก Metaverse แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า บริษัทเหล่านี้ต่างมีวิสัยทัศน์ที่ตรงกันว่า Metaverse จะเป็น New S-curve ที่สำคัญในการนำพาบริษัทเติบโตในโลกดิจิทัลยุคใหม่ที่กำลังจะมาถึง
ดังนั้น หนึ่งในคำถามสำคัญในการเลือกลงทุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีนับจากวันนี้ก็คือ บริษัทมีโอกาสที่จะเติบโตล้อไปกับเทรนด์ของ Metaverse หรือไม่ ? เพราะในอนาคต Metaverse จะเป็นการขยายเข้าสู่ตลาดใหม่ที่มีขนาดใหญ่มหาศาลและสามารถสร้าง Runway ในการเติบโตที่ยาวไกลให้กับบริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้ต่อไปได้ในระยะยาว
ที่มา ธนาคารทิสโก้
ภาพประกอบ ธนาคารทิสโก้