“Squid Game” เป็นเหตุทำเกมเมอร์สาวรายได้หดเพราะใช้ชื่อซ้ำซีรีส์ดัง

Lydia Ellery (ลิเดีย เอลเลอร์รี) เกมเมอร์สาววัย 32 ปีออกมาเปิดเผยกับสื่อ BBC ว่าเธอต้องเสียโอกาสได้งานไปหลายชิ้น เพราะชื่อช่องของเธอดันซ้ำกับซีรีส์เกาหลีสุดฮิต Squid Game 

โดยเธอกล่าวว่าบริษัทต่าง ๆ เริ่มลังเลที่จะจ้างเธอทำโฆษณาหรือเป็นอินฟลูเอนเซอร์ให้แบรนด์ต่าง ๆ ก็เพราะชื่อซ้ำ แม้ว่าเธอจะเป็นที่รู้จักในนาม Squid Game มานานกว่าทศวรรษแล้วก็ตาม ซึ่งสาเหตุที่เธอตั้งชื่อช่องของเธอว่า Squid Game ก็เป็นเพราะว่าเพื่อน ๆ ของเธอชอบเรียกเธอว่า Squid หรือปลาหมึก ซึ่งพ้องกันกับคำว่า Lid ที่อยู่ในชื่อจริงของเธอ Lydia นั่นเอง

แต่ชื่อนี้ก็กลายเป็นปัญหาทันทีเมื่อซีรีส์ Squid Game ดังขึ้นมา โดยเฉพาะบน Instagram เนื่องจากซีรีส์ที่มียอดคนดูกว่า 142 ล้านครั้งทั่วโลก ดันไม่มี Instagram โปรโมตส่วนตัวซะงั้น ทำให้เวลาแฟน ๆ ซีรีส์แท็กชื่อ ก็จะไปเด้งที่บัญชีของลิเดียนั่นเอง

และที่น่าเศร้าคือเธอได้ข้อความด่าทอจากแฟน ๆ ซีรีส์เยอะมาก เพราะพวกเขาคิดว่าเธอไปขโมยชื่อซีรีส์มาเป็นชื่อบัญชีของตัวเอง จนเธอต้องปิดแจ้งเตือนทุกอย่างไปเลย

ความซวยยังไม่จบ เพราะนอกจากจะโดนรุมต่อว่าแล้ว บัญชีของเธอยังโดนแฮ็กบ่อย ๆ ด้วย โดยเธอเล่าว่าในแต่ละวันจะมีอีเมลแจ้งเตือนการเปลี่ยนรหัสส่งมาที่เธอบ่อยมาก ๆ และ SEO หรือทราฟฟิกการค้นหาที่เธอสะสมมานับสิบปีก็พังลงเช่นกัน เพราะตอนนี้พอคนค้นหาคำว่า Squid Game ก็ไม่เจอเธออีกต่อไปแล้ว

ปัจจุบัน Lydia Ellery (ลิเดีย เอลเลอร์รี) อาศัยอยู่ในเมืองบริสตอล ประเทศอังกฤษ เธอเป็นที่รู้จักจากการไลฟ์สตรีมเกมและแอคทีฟกับแฟน ๆ ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น Twitch, Instagram, Twitter และ YouTube ในฐานะ “SquidGaming” มานานกว่า 11 ปีแล้ว โดยเธอมีผู้ติดตาม 42,300 คนบน Twitch และมีผู้ติดตาม YouTube มากกว่า 29,400 คน 

สำหรับความดังของซีรีส์ Squid Game เรียกได้ว่าทรงอิทธิพลมากจริง ๆ โดยสื่อ Bloomberg รายงานว่าซีรีส์เรื่องนี้สร้างรายได้ให้แก่เน็ตฟลิกซ์มากกว่า 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 29,979 ล้านบาท ขึ้นแท่นเป็นซีรีส์ที่มีคนดูมากที่สุดของ Netlix อีกด้วย

อย่างไรก็ตามเรื่องชื่อซ้ำก็ดูเหมือนจะไม่ใช่เหตุการณ์แรกที่เกิดขึ้นกับ Squid Game เพราะก่อนหน้านี้ก็มีกรณีคล้ายกันคือเบอร์โทรศัพท์มือถือในเรื่องดันไปตรงกับเบอร์ที่ใช้งานจริง ๆ จนเจ้าของเบอร์ได้รับความเดือดร้อนทั้งที่ใช้เบอร์นี้มาเกือบ 10 ปีแล้วเช่นกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก 

bbc

bloomberg