มนุษย์เรืองแสงได้จริง แต่ทำไมเรามองไม่เห็น ?
นักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นใช้กล้องไวแสงติดตามร่างกายมนุษย์ พบว่าผิวหนังมนุษย์สามารถเรืองแสงได้ โดยจะเรืองแสงสูงสุดในช่วงบ่ายแก่ ๆ และเรืองแสงน้อยสุดในช่วงดึก
สิ่งมีชีวิตบนโลกหลายชนิดสามารถเรืองแสงได้ เช่น แมงกะพรุน แบคทีเรีย หรือปลาน้ำลึกบางชนิด แต่รู้หรือไม่ว่าผิวหนังของมนุษย์เราก็สามารถเรืองแสงได้เช่นเดียวกัน
การค้นพบนี้เกิดขึ้นในปี 2009 โดยทีมนักวิทยาศาสตร์จากสถาบันเทคโนโลยีโทโฮกุ ประเทศญี่ปุ่นได้ใช้กล้องที่มีความไวต่อแสงสูง ถ่ายภาพร่างกายส่วนบนของอาสาสมัครเพศชายที่มีสุขภาพแข็งแรงจำนวน 5 คน ทุก ๆ 3 ชั่วโมง ครั้งละ 20 นาที เป็นเวลา 3 วัน รวมถึงขณะที่กำลังนอนหลับด้วย
ผลลัพธ์พบว่า ร่างกายของมนุษย์จะสามารถเรืองแสงออกมาได้ตลอดทั้งวัน โดยจะเรืองแสงสูงสุดในช่วงบ่ายแก่ ๆ คือประมาณ 16.00 น. และเรืองแสงน้อยสุดในช่วงดึก ในขณะที่แสงที่สว่างที่สุดจะเปล่งออกมาบริเวณ แก้ม หน้าผาก และลำคอ ทั้งนี้บริเวณที่เรืองแสงสว่างที่สุด ไม่ตรงกับบริเวณที่ร่างกายปล่อยความร้อนออกมามากที่สุด
มนุษย์เรืองแสงได้อย่างไร ?
การเรืองแสงเป็นผลข้างเคียงจากปฏิกิริยาเมตาบอลิซึม หรือกระบวนการเผาผลาญอาหารในสิ่งมีชีวิต คือในระหว่างกระบวนการเมตาบอลิซึม จะก่อให้เกิดผลพลอยได้คือ อนุมูลอิสระที่มีปฏิกิริยาสูง ซึ่งเป็นโมเลกุลที่ไม่เสถียร
ดังนั้นเพื่อทำให้ตัวเองเสถียร อนุมูลอิสระจึงไปทำปฏิกิริยากับโมเลกุลอื่น เช่น ไขมัน และโปรตีนที่มีอยู่ในเซลล์ ระหว่างนี้จะเกิดการถ่ายโอนพลังงานและผลักให้โมเลกุลเข้าสู่สถานะกระตุ้น (Excited State)
โมเลกุลที่ถูกกระตุ้นจะต้องปล่อยพลังงานออกมาเพื่อให้ตัวเองกลับสู่สถานะเสถียร โดยจะไปทำปฏิกิริยากับสารเคมีที่เรียกว่า ฟลูออโรโฟร์ (Fluorophores) ที่สามารถปล่อยโฟตอน (อนุภาคแสง) ออกมาได้ การปล่อยโฟตอนนี้เองที่ทำให้เกิดการเรืองแสงออกมา
ทั้งนี้เหตุผลที่บริเวณส่วนศีรษะเรืองแสงมากกว่า นักวิทยาศาสตร์คาดว่าเนื่องจากส่วนศีรษะสัมผัสกับแสงแดดมากที่สุด จึงส่งผลต่อเมลานินภายในผิวหนังและกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาการเรืองแสงได้ดีกว่าบริเวณอื่น ๆ ส่วนเหตุผลที่ช่วงบ่ายร่างกายเรืองแสงมากที่สุด นักวิจัยก็ตั้งสมมุติฐานว่า การเรืองแสงอาจเชื่อมโยงกับนาฬิกาชีวภาพของร่างกายมนุษย์ ดังนั้น ในช่วงบ่ายแก่ ๆ ซึ่งเป็นช่วงที่เราเผาผลาญพลังงานมากที่สุด จึงเรืองแสงได้สว่างที่สุด
คำถามต่อมาคือแล้วทำไมเราจึงไม่เคยมองเห็นมนุษย์เรืองแสง ?
นั่นเป็นเพราะแสงที่เรืองออกมาจากร่างกายมนุษย์นี้มีระดับอ่อนกว่าที่ตาของมนุษย์เราจะมองเห็นถึง 1,000 เท่า ในระดับต่ำเช่นนี้ แสงดังกล่าวไม่น่าจะมีประโยชน์ต่อวิวัฒนาการของมนุษย์แต่อย่างใด แตกต่างจากสัตว์บางชนิด เช่น หิ่งห้อย หนอนเรืองแสง หรือปลาน้ำลึกบางชนิด ที่สามารถใช้การเปล่งแสงเพื่อดึงดูดเพศตรงข้ามได้
ทีมงานคาดหวังว่าในอนาคต อาจสามารถใช้ประโยชน์จากการค้นพบนี้ได้ คือ มนุษย์อาจสามารถสแกนพื้นผิวร่างกายเพื่อตรวจวัดระดับแสง ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงสภาพร่างกายที่เกี่ยวข้องกับระบบการเผาผลาญอาหารได้
อย่างไรก็ตาม การนำไปใช้ประโยชน์ดังกล่าวยังจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม แต่ก็นับว่าการค้นพบนี้เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เปิดเผยว่าแท้จริงแล้วร่างกายของมนุษย์นั้นซุกซ่อนสิ่งมหัศจรรย์เอาไว้อย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
งานวิจัยนี้ตีพิมพ์ในวารสาร PLOS ONE ฉบับวันที่ 16 กรกฎาคม 2009
ที่มาข้อมูล The Guardian, ScienceAlert, Journals.PLOS
ที่มารูปภาพ Masaki Kobayashi et al., Freepik
ข่าวแนะนำ