TNN เปิดตัวเฟอร์รารี่ F80 สุดยอดไฮเปอร์คาร์ เร่งความเร็วสูงสุด 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

TNN

Tech

เปิดตัวเฟอร์รารี่ F80 สุดยอดไฮเปอร์คาร์ เร่งความเร็วสูงสุด 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

เปิดตัวเฟอร์รารี่ F80 สุดยอดไฮเปอร์คาร์ เร่งความเร็วสูงสุด 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

เปิดตัวเฟอร์รารี่ F80 สุดยอดไฮเปอร์คาร์ สามารถเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 2.15 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

Ferrari เปิดตัว Ferrari F80 ไฮเปอร์คาร์รุ่นใหม่ ได้รับความสนใจอย่างมากจากการออกแบบใหม่ที่ล้ำสมัย แม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนว่ารถรุ่นนี้จะกลายเป็นทายาทโดยตรงของรถยนต์ Farrari รุ่น LaFerrari ปี 2013 หรือไม่ก็ตาม แต่สิ่งที่โดดเด่นยิ่งกว่า คือ สมรรถนะอันน่าทึ่งของรถรุ่นล่าสุดจากแบรนด์ดังแห่งเมือง Maranello ซึ่งสามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 2.15 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง


นอกจากนี้ Ferrari F80 ยังมีเทคโนโลยีขั้นสูงมากมายที่ทำงานอยู่ใต้ฝากระโปรงและตัวถังของรถ โดยมีคุณลักษณะเด่น 4 ประการ ที่ทำให้ F80 เป็นหนึ่งในรถสำหรับการขับขี่บนท้องถนนที่ทรงพลังที่สุดที่ Ferrari เคยผลิตมา


1. เครื่องยนต์


Ferrari F80 ใช้เครื่องยนต์แบบไฮบริสพลังงานน้ำมัน ผสมกับการใช้งานพลังงานไฟฟ้า มอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัวที่ด้านหลัง ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อหลัง มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวที่ล้อหน้าสำหรับขับเคลื่อนล้อหน้า และมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวเพื่อปั่นเทอร์โบคู่ รวมแล้วให้กำลัง 1,200 แรงม้า แรงบิด 627 ปอนด์ฟุต (850 นิวตันเมตร) และรอบเครื่องยนต์สูงสุด 9,200 รอบต่อนาที  


2. การลดน้ำหนักตัวรถ


โครงสร้างตัวถังส่วนใหญ่ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ ร่วมกับชิ้นส่วนอะลูมิเนียมทำให้ลดน้ำหนักของตัวรถลง ชิ้นส่วนโช้คอัพใช้การขึ้นรูปด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติ รวมไปถึงปีกนกของระบบกันสะเทือนที่ถูกลดน้ำหนักลง แบตเตอรี่ถูกจัดเก็บไว้ในผนังคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีน้ำหนักเบา นอกจากนี้โครงข้อเหวี่ยง และลูกสูบที่เป็นอลูมิเนียมก็มีส่วนสำคัญในการลดน้ำหนักระบบส่งกำลัง


3. การออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์


Ferrari F80 ได้รับการออกแบบให้มีองค์ประกอบอากาศพลศาสตร์หลายอย่างที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่ง F1 ซึ่งทำงานร่วมกันเพื่อสร้างแรงกด 2,205 ปอนด์ หรือประมาณ 1,000 กิโลกรัม ที่ความเร็ว 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ช่วยให้รถทรงตัวบนถนนและทำความเร็วได้ดีมากขึ้น โดยมีโครงสร้างใต้ท้องรถแบบเรียบ ดิฟฟิวเซอร์ (Diffuser) หรือครีบจัดเรียงอากาศใต้กันชนรถด้านหลัง สามารถรองรับกระแสลมจำนวนมากใต้ตัวรถ ปีกด้านหน้าแบบสามแฉก และช่องระบายอากาศแบบตัว S ขนาดใหญ่ พร้อมแผ่นปิดแบบปรับได้ที่ติดตั้งไว้ในฝากระโปรงหน้าที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ เพื่อช่วยให้รถเคลื่อนตัวได้ดีขึ้น นอกจากนี้ ระบบกันสะเทือนแบบแอ็คทีฟสามารถลดระดับตัวรถให้ต่ำลงใกล้พื้นมากขึ้นเพื่อเพิ่มแรงกด


4. การเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่


ผู้ที่ขับ Ferrari F80 สามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์ Boost Optimization เพื่อบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับการขับทางโค้ง และทางตรงเพื่อตัวรถจะปรับระบบส่งกำลังแบบพิเศษที่ตรงกับความต้องการของผู้ขับมากขึ้น นอกจากนี้ในโหมด Performance ตัวรถจะควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนโหมด Qualify เน้นการขับที่ใช้พลังงานสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่โหมดนี้ต้องแลกมาด้วยการชาร์จพลังงานไฟฟ้าเข้าสู่แบตเตอรี่ที่น้อยลง


บริษัทมีแผนการผลิตออกมาจำนวน 799 คัน เพื่อฉลองครบรอบ 80 ปี ของบริษัท เฟอร์รารี่ (Ferrari) โดยมีราคาค่าตัวอยู่ที่คันละ 3,600,000 ยูโร หรือประมาณ 134 ล้านบาท รวมภาษีนำเข้าในประเทศไทย ข้อมูลล่าสุดระบุว่ารถทั้งหมดได้ถูกจำหน่ายหมดทั้ง 799 คัน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว


 

ที่มาของข้อมูล Newatlas

ที่มาของรูปภาพ Ferrari

ข่าวฮิตติดแท็ก

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง