Tinder ทำปารีสลุกเป็นไฟ ยอดนักกีฬาโอลิมปิกปัดขวาพุ่ง 25%
Tinder ทำปารีสลุกเป็นไฟ ยอดนักกีฬาโอลิมปิกปัดขวาพุ่ง 25% นับจากวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา พร้อมให้ความมั่นใจด้านความปลอดภัยและรักษาความเป็นส่วนตัว
โฆษกของแอปพลิเคชัน Tinder แอปพลิเคชันหาคู่ออนไลน์ยอดนิยม เปิดเผยข้อมูลว่าการใช้งานฟีเจอร์ Swipe หรือ การปัดซ้ายและปัดขวาเพื่อหาคนที่ถูกใจ เพิ่มขึ้นเกือบ 25% ซึ่งเป็นสถิติที่นับตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ก่อนพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิก 2024 กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส จะเริ่มขึ้น 2 วัน
โดยมีการเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมว่ามีการใช้งานฟีเจอร์ Tinder Passport Mode เพิ่มขึ้น 105% ในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่าง ๆ ในกรุงปารีส โดยฟีเจอร์ Tinder Passport Mode ช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาคนที่ถูกใช้ข้ามประเทศแทนที่จะค้นหาในตำแหน่งที่ใกล้เคียงกัน
หากพบคนที่ใช่ก็สามารถกด "ถูกใจ" "จับคู่" และสนทนากับคนอื่น ๆ โดยอันดับประเทศต้นทาง 3 อันดับแรก ที่ใช้งานฟีเจอร์ Tinder Passport Mode ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาไปยังประเทศฝรั่งเศส ได้แก่ สหรัฐอเมริกา บราซิล และตุรกี
สำหรับกีฬายอดนิยมสำหรับผู้ใช้งาน Tinder ประกอบด้วย ฟุตบอล บาสเก็ตบอล และว่ายน้ำ ส่วนกีฬาที่มีการเติบโตของผู้ที่สนใจรวดเร็วที่สุด คือ ยิมนาสติก (+31%) และบาสเก็ตบอล (+14%) รวมไปถึงการเพิ่มขึ้นของผู้ใช้งานที่มีใส่รายละเอียดคำบรรยายต่าง ๆ เกี่ยวกับกีฬาโอลิมปิกกรุงปารีส เช่น “นักกีฬาโอลิมปิก” (+52%) และ “นักกีฬา” (+43%)
อย่างไรก็ตาม โฆษกของ Tinder ยังเน้นย้ำว่าความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวเป็นสิ่งสำคัญ โดยนักกีฬาที่ใช้งานแอปพลิเคชัน Tinder สามารถเปิดใช้งานโหมดไม่ระบุตัวตนบน Tinder ได้เพื่อเป็นการซ่อนโปรไฟล์ตัวเองได้อย่างสมบูรณ์
นอกจากนี้ยังมีความเคลื่อนไหวจากผู้ให้บริการอื่น ๆ เช่น แอปพลิเคชัน Grindr แอปพลิเคชันหาคู่สำหรับกลุ่ม LGBTQ+ ได้ทำการปิดใช้งานฟีเจอร์ระบุตำแหน่งของโปรไฟล์ผู้ใช้งานในหมู่บ้านนักกีฬาโอลิมปิก รวมไปถึงฟีเจอร์การสำรวจค้นหาบุคคล เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัยและการละเมิดติดตามนักกีฬาที่เป็นกลุ่ม LGBTQ+ ซึ่งโดยปกติแล้วผู้ใช้งานจะค้นหาและดูโปรไฟล์ในตำแหน่งต่าง ๆ
รวมไปถึงเว็บไซต์หาคู่ออนไลน์ Dating.com ที่ได้ออกมาประกาศมอบสิทธิพิเศษให้กับนักกีฬาที่เข้าร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิก กรุงปารีส 2024 ให้สามารถใช้งานเว็บไซต์ได้ฟรี 1 เดือน เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีทั้งในและนอกสนามแข่งขัน
ที่มาของข้อมูล Newsweek
ที่มาของรูปภาพ Reuters
ข่าวแนะนำ