จีนไฟเขียวแท็กซี่ไร้คนขับ ! ออกใบอนุญาตให้บริการในเซี่ยงไฮ้
ทางการเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ได้ออกใบอนุญาตเพื่อให้มีบริการแท็กซี่ไร้คนขับ ครอบคลุมระยะทาง 205 กิโลเมตรในเขตผู่ตง
เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ได้ออกใบอนุญาตเพื่ออนุญาตให้มีบริการแท็กซี่ไร้คนขับ หรือ โรโบแท็กซี่ (Robotaxies) โดยไม่มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลบนรถแล้ว เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม 2024 ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของจีนในการแข่งขันด้านการขับขี่อัตโนมัติ
บริการนี้จะให้บริการในเขตผู่ตง ระยะทางรวม 205 กิโลเมตร โดยเจ้าหน้าที่ทางการของเมืองเซี่ยงไฮ้ เผยว่าประชาชนจะสามารถทำการเรียกใช้บริการแท็กซี่ไร้คนขับได้ฟรี โดยบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตเพื่อให้บริการแท็กซี่ไร้คนขับมาจาก 4 บริษัทของจีน คือ บริษัทเสิร์ซเอนจิ้นอย่าง ไป่ตู้ (Baidu) บริษัทพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ ไซค์ เทคโนโลยี (Saike Technology) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเดียวกับบริษัทธุรกิจรถยนต์ขนาดใหญ่ของจีนอย่าง เอสเอไอซี มอเตอร์ (SAIC Motor) และอีก 2 บริษัทคือสตาร์ตอัปพัฒนารถยนต์ไร้คนขับอย่างโพนี่ เอไอ (Pony.ai) และ ออโต้ เอ็กซ์ (Auto X) บริการนี้จะเปิดให้บริการจนถึงวันที่ 4 มกราคม 2025 ตามที่โพนี่ เอไอ โพสต์ผ่านแพลตฟอร์มวีแชท (WeChat)
ทั้งนี้ เซี่ยงไฮ้ไม่ใช่ที่แรกในประเทศจีนที่อนุญาตให้มีบริการแท็กซี่ไร้คนขับ แต่มีอีกหลายเมืองได้เริ่มโครงการนำร่องไปแล้ว โดยการให้บริการแท็กซี่ไร้คนขับโดยไม่มีผู้ควบคุมในรถได้เริ่มทดสอบครั้งแรกเมื่อเดือนสิงหาคม 2022 ในเมืองอู่ฮั่นและฉงชิ่ง หลังจากเมืองอู่ฮั่นและฉงชิ่งได้เริ่มโครงการนำร่องอนุญาตให้บริการแท็กซี่ไร้คนขับแล้ว ในภายหลังเมืองใหญ่ ๆ อย่างปักกิ่ง เซินเจิ้น และกว่างโจว ก็อนุญาตให้มีบริการตามเช่นกัน
การเคลื่อนไหวนี้ นับเป็นหนึ่งในการขับเคลื่อนเทคโนโลยี แต่ก็มีการจุดประเด็นข้อกังวลจากประชาชนชาวจีนบางส่วน เช่น การมาถึงของแท็กซี่ไร้คนขับจะเป็นการแย่งงานคนขับแท็กซี่ หรือแท็กซี่ไร้คนขับจะปลอดภัยหรือไม่ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ได้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของจีนด้านเทคโนโลยียานพาหนะขับเคลื่อนอัตโนมัติ ซึ่งการที่เปิดบริการแท็กซี่ไร้คนขับโดยไม่มีผู้ดูแลอยู่บนรถ จัดว่าเป็นระดับที่ 4 หรือ ระบบอัตโนมัติขั้นสูง (High Automation) ในระดับความเป็นอิสระของยานพาหนะ (Levels of Vehicle Autonomy) คือ รถสามารถขับเคลื่อนเองได้ในสภาพแวดล้อมที่ดี เช่น ถนนในเมืองที่ราบเรียบ แต่ยังจำเป็นต้องมีเงื่อนไขเฉพาะบางอย่าง เช่น สภาพถนนขรุขระ หรือสภาพอากาศ ก็ต้องมีมนุษย์เข้ามาควบคุม ทั้งนี้ ระดับความเป็นอิสระของยานพาหนะมีระดับสูงสุดอยู่ที่ระดับ 5 หรือระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ (Full Automation) ซึ่งรถสามารถขับเองได้ทุกสถานการณ์โดยไม่ต้องมีการควบคุมเลย
ส่วนเบื้องหลังการทำงานเบื้องต้นของยานพาหนะขับเคลื่อนอัตโนมัติ มีระบบการทำงานหลายอย่างเพื่อทำงานสอดคล้องกัน คือมีเซ็นเซอร์หลายตัวบนรถ เช่น เรดาร์ ไลดาร์ และกล้อง เพื่อให้รถรับข้อมูลสภาพแวดล้อมรอบตัวรถได้ อีกทั้ง มีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลจากเซ็นเซอร์และตัดสินใจการเคลื่อนที่ มีระบบการวางเส้นทางจากตำแหน่งปัจจุบันไปยังจุดหมาย โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น สภาพการจราจร สภาพถนน นอกจากนี้ยังมีระบบควบคุมการขับขี่ ที่จะประมวลผลคำสั่งจากระบบ AI เพื่อควบคุมการเร่ง การเบรก การเลี้ยว เพื่อให้รถเคลื่อนที่ได้อย่างปลอดภัย รวมถึงยังมีระบบการเชื่อมต่อและการสื่อสาร เพื่อให้เข้าถึงระบบอื่น ๆ ทางออนไลน์ เช่น ระบบการจัดการจราจร หรือแม้กระทั่งเชื่อมต่อกับรถไร้คนขับคันอื่น ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล
อย่างไรก็ตาม ประเทศจีนไม่ได้เป็นเพียงประเทศเดียวที่มีความก้าวหน้าด้านแท็กซี่ไร้คนขับ สหรัฐอเมริกาเองก็กำลังผลักดันเทคโนโลยีนี้ โดยบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของอีลอน มัสก์ อย่าง เทสลา (Tesla) กำลังวางแผนที่จะเปิดตัวบริการแท็กซี่ไร้คนขับในเดือนสิงหาคม 2024 นี้ ตามการประกาศของอีลอน มัสก์ผ่านแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ในขณะที่บริษัทพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติอย่างเวย์โม (Waymo) ซึ่งเป็นบริษัทในเครืออัลฟาเบท (Alphabet) เจ้าของกูเกิล (Google) ก็ได้ขยายบริการแท็กซี่ไร้คนขับในนครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หลังจากที่เริ่มเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์มาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2023
ที่มาข้อมูล Marketscreener, Chinadaily, SixthTone, CNBC, Synopsys
ที่มารูปภาพ Reuters, Reuters (2)
ข่าวแนะนำ