Toyota ญี่ปุ่นเผยโฉม “เมืองอัจฉริยะ” Woven City ก่อสร้างคืบหน้า !
Toyota เผยความคืบหน้าโครงการสร้าง “เมืองอัจฉริยะ” หรือ “Smart City” ในประเทศญี่ปุ่น เพื่อใช้สำหรับเป็นฐานในการทดสอบเทคโนโลยีต่าง ๆ โดยให้ชื่อว่า “Woven City”
โตโยต้า (Toyota) บริษัทด้านเทคโนโลยียานยนต์และนวัตกรรมชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น เผยความคืบหน้าของโครงการก่อสร้าง “เมืองอัจฉริยะ” หรือ “Smart City” ของตนเองในประเทศญี่ปุ่น เพื่อใช้สำหรับเป็นฐานในการทดสอบเทคโนโลยีต่าง ๆ ตั้งแต่รถยนต์ล้ำสมัย ไปจนถึงหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ ภายใต้ชื่อโครงการ โวเว่น ซิตี้ (Woven City)
โวเว่น ซิตี้ (Woven City) จะถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่ขนาด 708,000 ตารางเมตรซึ่งเป็นที่ตั้งเก่าของโรงงานโตโยต้าในอดีต และอยู่ใกล้กับภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งบริษัทตั้งเป้าจะพัฒนาให้พื้นที่แห่งนี้ กลายเป็นที่อยู่อาศัยอัจฉริยะที่เอื้อต่อการใช้ชีวิตที่ดีที่สุด ท่ามกลางธรรมชาติและเทคโนโลยี โดยภายในจะมีการวางระบบขนส่งสาธารณะและส่วนบุคคล รองรับการใช้งานยานพาหนะไร้คนขับ รวมถึงการใช้นวัตกรรมหุ่นยนต์ช่วยเหลือ และใช้พลังงานหลักของเมืองจากเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน และพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อความยั่งยืนสูงสุด
นอกจากนี้ยังจะใช้เป็นที่ทดสอบต้นแบบของยานพาหนะไร้คนขับที่ใช้พลังงานหมุนเวียน ซึ่งมีชื่อว่า อี-พาเลตต์ (E-palettes)โดยจะรวบรวมข้อมูลจากการใช้รถยนต์ไร้คนขับเหล่านี้ จากเซ็นเซอร์บนถนนทั่วเมือง
ส่วนถนนที่ใช้งานในเมือง จะแบ่งออกเป็น 3 แบบด้วยกัน ได้แก่ถนนสำหรับใช้ในการขับขี่แบบอัตโนมัติ ถนนสำหรับคนเดินเท้า รวมถึงผู้ที่ใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่ส่วนบุคคล และสุดท้ายจะเป็นถนนใต้ดิน สำหรับรถส่งของอัตโนมัติ โดยการก่อสร้างจะใช้กำลังคนราว 7,000 คนเพื่อดำเนินงาน
เมื่อสร้างเสร็จแล้ว เมืองแห่งนี้จะสามารถรองรับผู้อยู่อาศัยในระยะแรกราว 360 คน และมีแผนที่จะขยายให้รองรับได้ราว 2,000 คน รวมถึงผู้สูงอายุ ครอบครัวที่มีเด็กเล็ก และพนักงานของโตโยต้า โดยตัวเมืองจะมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา เพื่อรองรับการอยู่อาศัยของผู้คนที่มีความหลากหลาย
สำหรับโครงการเมืองอัจฉริยะแห่งนี้ เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2021 ซึ่งปัจจุบันก็ได้มีการดำเนินการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง และได้มีการปล่อยคลิปวิดีโออัปเดตความคืบหน้าของการก่อสร้าง ณ เดือนเมษายนปี 2024 และตั้งเป้าที่จะสร้างเฟสแรกให้เสร็จภายในสิ้นปีนี้ โดยคาดว่าเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ โครงการนี้จะใช้เงินทุนในการก่อสร้างราว 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 360,000 ล้านบาท
ข้อมูลจาก supercarblondie, ndtv, msn
ข่าวแนะนำ
