NASA ค้นพบ “ดาวเคราะห์สายไหม” นุ่มมาก แต่ใหญ่กว่าดาวพฤหัส !!
NASA ค้นพบ WASP-193b ดาวเคราะห์ใหญ่กว่าดาวพฤหัสบดี แต่มวลต่อลูกบาศก์เซนติเมตรน้อยเกือบเท่าสายไหม
NASA ค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะดวงใหม่ ใหญ่กว่าดาวพฤหัส แต่มีมวลความหนาแน่นเบามากคล้ายกับสายไหม !?
ดาวเคราะห์ดวงนี้มีชื่อเรียกว่า WASP-193b มีชื่อเล่นว่า Super-Puffs อยู่ห่างจากโลกประมาณ 1,200 ปีแสง มันมีขนาดที่ใหญ่กว่าดาวพฤหัสมากถึง 50% หรือประมาณ 1.5 เท่า แต่มีมวลเบาบางกว่า 7 เท่า หรือประมาณ 0.059 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร ในขณะที่ดาวพฤหัสมีมวลความหนาแน่นประมาณ 1.33 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร ใกล้เคียงกับสายไหม ที่มีมวลความหนาแน่นเพียง 0.05 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร
Super-Puffs ถือเป็นดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะที่มีมวลความหนาแน่นน้อยเป็นอันดับ 2 เมื่อเทียบกับดาวเคราะห์ทั้งหมดที่ NASA ค้นพบมา (อันดับ 1 คือ Kepler-51d)
ความหนาแน่นของดาวเคราะห์ได้รับการยืนยันหลังจากการสังเกตมาหลายปี หลังจากที่ดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ดวงนี้โคจรรอบดาวฤกษ์คล้ายดวงอาทิตย์จนครบรอบทุก ๆ 6.25 วัน
นักวิจัยจากห้องทดลอง EXOTIC Laboratory ของมหาวิทยาลัย Liège ร่วมกับ MIT และสถาบันดาราศาสตร์ฟิสิกส์ (Astrophysics Institute) ในอันดาลูเซีย มองว่ามวลความหนาแน่นอันน้อยนิดของดาวเคราะห์ดวงนี้ ทำให้มันดูผิดปกติ เมื่อเทียบกับดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ ที่ถูกค้นพบมามากกว่า 5,000 ดวงในปัจจุบัน เพราะการเป็นดาวเคราะห์ของ Super-Puffs ไม่สามารถจำลองขึ้นมาได้ และยังไม่มีทฤษฎีรองรับ ว่ามันกลายเป็นดาวเคราะห์ได้อย่างไร
การที่มันถูกนำมาเปรียบเทียบกับสายไหม ก็เพราะทั้งคู่มีมวลที่ใกล้เคียงกัน และมีอากาศภายในค่อนข้างมากเหมือนกัน ทางนักวิจัยชื่อว่าตัวดาวจะมีลักษณะนุ่มไม่แพ้สายไหมเลย
ทีมนักวิจัยยังเชื่ออีกว่าดาวเคราะห์ดวงนี้มีไฮโดรเจนและฮีเลียมเป็นมวลสารหลัก ซึ่งคล้ายกับดาวเคราะห์ก๊าซดวงอื่น ๆ โดยก๊าซเหล่านี้สามารถพองตัวขยายใหญ่อย่างมหาศาลได้ แต่ก็ยังไม่มีทฤษฎีใดที่สามารถบอกได้ ว่าทำไมมันถึงพองตัวได้ใหญ่ขนาดนี้
Super-Puffs หรือ WASP-193b ได้รับการค้นพบครั้งแรกภายใต้โครงการ Wide Angle Search for Planets หรือ WASP ซึ่งเป็นโครงการที่จะให้หอสังเกตการณ์หุ่นยนต์ไฮเทค 2 แห่งในซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้ติดตามและค้นหาดวงดาวเหนือท้องฟ้า โดย Super-Puffs ได้รับการจับตามองมานานหลายปีแล้ว มันถูกตรวจสอบเกี่ยวกับความสว่างของตัวมัน เมื่อโคจรผ่านหน้าดาวฤกษ์ ซึ่งช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ตรวจสอบขนาดของมันได้
ต่อมาทางนักดาราศาสตร์ได้ใช้หอสังเกตการณ์ TRAPPIST-South และ SPECULOOS-South ในประเทศชิลี เพื่อยืนยันรูปลักษณ์ของตัวดาวเคราะห์ อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน ทางทีมงานตั้งเป้าที่จะหาต้นกำเนิดของมัน โดยทำการสังเกตเพิ่มเติมรวมถึงวางทฤษฎีต่าง ๆ และมีแผนจะใช้กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ ตรวจสอบมันโดยละเอียดต่อไป
การค้นพบนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Nature Astronomy ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดลึก ๆ ได้จากที่ลิงก์นี้ได้เลย >> http://dx.doi.org/10.1038/s41550-024-02259-y
ข่าวแนะนำ