TNN พายุสุริยะรุนแรงมากที่สุดในรอบ 20 ปี ไม่เป็นอันตราย และซีกโลกเหนือมองเห็นออโรร่า

TNN

Tech

พายุสุริยะรุนแรงมากที่สุดในรอบ 20 ปี ไม่เป็นอันตราย และซีกโลกเหนือมองเห็นออโรร่า

พายุสุริยะรุนแรงมากที่สุดในรอบ 20 ปี ไม่เป็นอันตราย และซีกโลกเหนือมองเห็นออโรร่า

พายุสุริยะรุนแรงมากที่สุดในรอบ 20 ปี ไม่เป็นอันตราย และซีกโลกเหนือมองเห็นออโรร่าได้มากกว่าปกติ

วันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา ศูนย์พยากรณ์อากาศอวกาศ (SWPC) ขององค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NOAA) ตรวจพบการปลดปล่อยมวลจากดวงอาทิตย์ (Coronal Mass Ejection: CME) อย่างน้อย 7 ครั้ง และแจ้งเตือนพายุสุริยะที่จะเดินทางมาถึงโลกในวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา และต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 12 พฤษภาคม 


"นี่เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ธรรมดาและอาจเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์" คลินตัน วอลเลซ (Clinton Wallace) ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์อากาศอวกาศของ NOAA เปิดเผยผ่านทางเว็บไซต์


สำหรับความรุนแรงของพายุสุริยะ ในตอนแรกคาดว่าอยู่ในระดับ 4 หรือ G4 ต่อมาได้มีการปรับเพิ่มเป็นระดับ 5 หรือ G5 ซึ่งเป็นระดับความรุนแรงสูงสุด โดยพายุสุริยะที่มีความรุนแรงระดับนี้ เคยเกิดขึ้นมาแล้วในช่วงวันฮาโลวีนปี 2003 จึงกล่าวได้ว่าพายุสุริยะที่เกิดขึ้นในครั้งนี้มีความรุนแรงมากที่สุดในรอบ 20 ปี


แม้ว่าในตอนนี้ยังไม่พบผลกระทบที่รุนแรงต่อโลก แต่นักวิทยาศาสตร์ขององค์การ NOAA ได้อธิบายเอาไว้ว่า การปลดปล่อยมวลจากดวงอาทิตย์ หรือ CME เมื่อพุ่งเข้าหาโลกสามารถส่งผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ดาวเทียมในวงโคจรใกล้โลก และในส่วนของพื้นผิวโลกอาจส่งผลกระทบต่อการสื่อสาร ระบบโครงข่ายไฟฟ้า การนำทาง และวิทยุ


นอกจากนี้ พายุสุริยะที่เกิดขึ้นจะทำให้ประเทศซีกโลกเหนือมองเห็นการเกิดแสงเหนือ หรือ แสงออโรร่า ได้มากกว่าปกติ โดยมีสาเหตุมาจากพายุสุริยะได้กระทบกับสนามแม่เหล็กของโลก ทำให้เกิดการเบี่ยงเบนไปตามเส้นแรงแม่เหล็กกระทบเข้ากับชั้นบรรยากาศจนทำให้เกิดเป็นแสงสีต่าง ๆ เรียกว่าแสงเหนือ หรือ แสงออโรร่า โดยเฉพาะทางใต้ถึงแอละแบมาและตอนเหนือของแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา 


ทางด้านองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือ NASA ได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า พายุสุริยะที่รุนแรงสุดในครั้งนี้ไม่มีผลกระทบต่อนักบินอวกาศบนสถานีอวกาศนานาชาติ ISS แต่อาจมีการเพิ่มขึ้นของรังสีและความเสี่ยงต่อเซลล์ในร่างกายมนุษย์มากขึ้น ซึ่งนักบินอวกาศจะต้องอยู่ภายในพื้นที่ปลอดภัยของสถานีอวกาศนานาชาติ ISS ที่มีการป้องกันรังสีได้สูง


สำหรับประเทศไทยยังไม่ได้รับผลกระทบจากพายุสุริยะในครั้งนี้ โดย NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ได้เปิดเผยว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีดาวเทียมได้ติดตั้งระบบป้องกันพายุสุริยะด้วยกันหันทิศทาง หรือปิดอุปกรณ์ที่มีความเสี่ยงต่อความเสียหาย และสามารถลดปัญหาการรบกวนระบบสื่อสาร นอกจากนี้ระบบไฟฟ้าในปัจจุบันก็มีมาตรการป้องกันความเสียหายจากอิทธิพลของพายุสุริยะได้เป็นอย่างดี และโดยตำแหน่งที่ตั้งของประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร จึงได้รับการปกป้องจากสนามแม่เหล็กของโลกความเข้มสูง และแทบไม่ได้รับผลกระทบจากพายุสุริยะในครั้งนี้


ที่มาของข้อมูล NOAA, NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ, VOAThai

ข่าวแนะนำ