Doroni รถบินได้เตรียมทะยานฟ้าให้ใช้ในปี 2025 นี้
Doroni ผู้ผลิต eVTOL สำหรับโดยสารส่วนบุคคลจากสหรัฐอเมริกา เตรียมส่งรถยนต์บินได้จ่อยื่นขออนุญาตจาก FAA เตรียมทะยานฟ้าภายในปี 2025 นี้
ความฝันของคนที่อยากเป็นเจ้าของฟลายอิง คาร์ (Flying Cars) หรือรถยนต์บินได้ อาจจะใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เมื่อล่าสุด โดโรนี (Doroni) ผู้ผลิตอากาศยานโดยสารส่วนบุคคลจากสหรัฐอเมริกา เผยความคืบหน้าในการเตรียมส่งมอบรถยนต์บินได้ของบริษัทให้กับลูกค้าชุดแรกภายในปี 2025 นี้
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมา บริษัท โดโรนี แอโรสเปซ (Doroni Aerospace) ประสบความสำเร็จในการทดสอบต้นแบบอากาศยานบินขึ้นและลงในแนวดิ่งพลังไฟฟ้า หรือ อีวีทัล (eVTOL) รุ่นเอชวัน (H1) ซึ่งบริษัทให้คำนิยามว่าเป็น "Flying Car" หรือรถบินได้ โดยมี โดรอน เมอร์ดิงเจอร์ (Doron Merdinger) ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของโดโรนี เป็นผู้ขึ้นบินทดสอบด้วยตัวเอง
ส่วนปัจจุบันบริษัทได้ต่อยอดการพัฒนา มาเป็นต้นแบบอากาศยานรุ่นใหม่ ในชื่อ เอชวัน-เอ็กซ์ (H1-X) ที่ได้รับการพัฒนามาจากโครงสร้างของรุ่นเดิมเพื่อปรับปรุงเรื่องของอากาศพลศาสตร์ โดยคำนึงถึงเรื่องความเร็วและระยะในการบิน แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมีโครงสร้างที่ไม่ใหญ่เกินไป สามารถจอดไว้ในโรงจอดรถแบบความกว้าง 2 คัน ตามบ้านต่าง ๆ ได้
สำหรับระบบควบคุมจะเป็นแบบกึ่งอัตโนมัติ ภายในติดตั้งเซ็นเซอร์ป้องกันการชน, บารอมิเตอร์สำหรับตรวจวัดความดันบรรยากาศ, ไลดาร์ (LIDAR) ระบบตรวจจับแสงและวัดระยะ, ตัวเครื่องสามารถควบคุมได้ง่ายผ่านจอยสติ๊ก โดยที่นักบินไม่จำเป็นต้องมีใบอนุญาตขับเครื่องบินแต่อย่างใด
ในส่วนของประสิทธิภาพ ทางบริษัทตั้งเป้าให้รถบินได้รุ่นนี้ สามารถทำความเร็วสูงสุด 193 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ให้ระยะทางการบินสูงสุดที่ 97 กิโลเมตร และให้ระยะเวลาในการบินที่ 40 นาที บรรทุกน้ำหนักสัมภาระเต็มที่ 226 กิโลกรัม
ทั้งนี้บริษัทกำลังอยู่ในช่วงขอการรับรองรถบินได้รุ่น เอชวัน-เอ็กซ์ (H1-X) จากองค์การบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐฯ (Federal Aviation Administration) ในฐานะเครื่องบินขนาดเบาพิเศษ ซึ่งจะทำให้สามารถบินได้ในเขตเมือง
ซึ่งถ้ากระบวนการดังกล่าวผ่านขั้นตอนแล้วเสร็จ บริษัทก็เชื่อว่ารถบินได้คันนี้จะช่วยลดการใช้งานรถยนต์บนท้องถนน และยังเป็นทางเลือกในการขนส่งที่ยั่งยืนกว่า ด้วยการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยมลพิษสู่อากาศได้ ส่วนราคาจำหน่ายจะอยู่ที่ประมาณลำละ 3-4 แสนดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 10-14 ล้านบาทต่อลำ
ข้อมูลจาก interestingengineering, tnnthailand, doroni
ข่าวแนะนำ