TNN อัปเดต 5 เทรนด์ส่องอนาคต การบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์จาก Metthier

TNN

Tech

อัปเดต 5 เทรนด์ส่องอนาคต การบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์จาก Metthier

อัปเดต 5 เทรนด์ส่องอนาคต การบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์จาก Metthier

5 เทรนด์หลักที่น่าสนใจสำหรับการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อการสร้างธุรกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน โดยบริษัท Metthier

บริษัทที่ปรึกษาการวิจัยตลาดและกลยุทธ์ Global Market Insights ชี้ว่าธุรกิจการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์นั้นมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 1 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 และคาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตรายปีจะไม่น้อยกว่า 13% ในช่วงปี 2023 - 2532 ยกเว้นภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่คาดว่าอัตราการเติบโตรายปีโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 15.5% เนื่องจากการขยายตัวของเมืองและการลงทุนในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะยักษ์ใหญ่อย่างอินเดียและจีน 


สำหรับภาพรวมตลาดบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยนั้น มีมูลค่ารวมหลายหมื่นล้านบาท และมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ  เช่น อาคารสำนักงาน โรงงานอุตสาหกรรม โรงพยาบาล หรือศูนย์สุขภาพ เป็นต้น


อย่างไรก็ตามปัญหาการขาดแคลนแรงงานยังถือเป็นความท้าทายหลักในธุรกิจนี้ ทำให้ความต้องการในการจ้างงานบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะสูงขึ้น ในฝั่งของผู้ให้บริการจึงมีการพัฒนาเทคโนโลยีและโซลูชันต่างๆ มาปรับใช้เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ การลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน หรือตอบรับมาตรการรัฐด้านสิ่งแวดล้อม เป็นต้น 


นอกจากนี้หากแบ่งตามประเภทของการบริการ ความต้องการในด้านการทำความสะอาดยังครองส่วนแบ่งสูงสุดในตลาดผู้ให้บริการการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ตามด้วยการให้บริการด้านการรักษาความปลอดภัย


อัปเดต 5 เทรนด์ส่องอนาคต การบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์จาก Metthier


นายขยล ตันติชาติวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมทเธียร์ จำกัด (Metthier) ผู้ดำเนินธุรกิจการให้บริการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์อัจฉริยะแบบครบวงจร กล่าวว่า ทิศทางของธุรกิจการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์เริ่มมีการแข่งขันสูงโดยเฉพาะเรื่องการนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับการให้บริการ โดยเทรนด์หลักที่น่าสนใจมีดังนี้


อัปเดต 5 เทรนด์ส่องอนาคต การบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์จาก Metthier


หุ่นยนต์อัจฉริยะ (Autonomous Robotics) 

กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ เช่น อาคาร สำนักงาน โรงแรม และสนามบิน หุ่นยนต์เหล่านี้ไม่ได้เข้ามาเพื่อทดแทนแรงงานมนุษย์ แต่จะเข้ามาเสริมประสิทธิภาพการทำงาน เพิ่มความปลอดภัย และลดความเสี่ยงให้กับพนักงาน โดยเฉพาะในงานที่ต้องสัมผัสกับสารเคมี อันตราย หรือต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม 


เทคโนโลยีฝาแฝดดิจิทัล (Digital Twin) 

กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นการต่อยอดจาก Digital Mapping และ 3D Visualization โดยมีการนำมาประยุกต์ใช้ในการประเมินการใช้พื้นที่แบบเรียลไทม์ สามารถที่จะป้อนข้อมูลและประเมินผลลัพธ์จำลองได้ทันที เทคโนโลยีนี้จึงมีส่วนช่วยในกระบวนการตัดสินใจและบริหารจัดการข้อมูลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างมีนัยยะสำคัญ 


ระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ (Smart Security) 

ประเทศไทยถือว่าเป็นหนึ่งในผู้นำตลาด Smart Security ในกลุ่มประเทศอาเซียนทั้งในเรื่องมูลค่าตลาดและความล้ำของเทคโนโลยีที่นำมาใช้ ในธุรกิจบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์มีการนำเทคโนโลยี Smart Security เข้ามาใช้ในหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมคนเข้า-ออกอาคารด้วยเทคโนโลยีการจดจำใบหน้า กล้องวงจรปิดอัจฉริยะ หรือแม้แต่การอ่านป้ายทะเบียนรถอัจฉริยะ แม้ว่าเทคโนโลยีเหล่านี้จะมีมาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง 


เทคโนโลยีสีเขียว (Green Technology) 

เป็นหัวข้อที่ยังมาแรงและคนให้ความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะเรื่องของสิ่งแวดล้อมไม่ได้เป็นแค่กระแสอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการต้องหันมาให้ความสำคัญอย่างจริงจัง โดยต้องคำนึงถึงแนวคิด “เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” เป็นสำคัญ ซึ่งพิจารณาจากกระบวนการผลิต การเลือกใช้วิธีการจัดการในแต่ละขั้นตอน และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่า นอกจากนี้ Green Technology ยังเป็นอีกหนึ่งตัวเร่งให้เกิด Smart Facility Management 


ระบบบริหารจัดการงานบำรุงรักษาด้วยคอมพิวเตอร์ (Computerized Maintenance Management System: CMMS) 

ในอนาคต CMMS จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในวงการ Smart Facility Management โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการจัดการสภาวะแวดล้อมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ข้อมูล โรงงานอุตสาหกรรม โรงพยาบาล ห้องไฟฟ้า ห้องเครื่อง หรือในที่อื่นๆ ที่ไม่สามารถให้เกิดการผิดพลาดได้ เพราะอาจจะเกิดความเสียหายสูงทั้งในเรื่องของเม็ดเงิน ความปลอดภัย หรือผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนตลอดจนความไว้วางใจ 


“ธุรกิจ Smart Facility Management ในประเทศไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ทั้งในภาคอุตสาหกรรม ภาคที่อยู่อาศัย หรือธุรกิจอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นอาคารสำนักงาน อาคารมิกซ์ยูส หรือธุรกิจโรงพยาบาลที่อัตราการเติบโตยังดี โดยทาง Metthier มีพนักงานมืออาชีพกว่า 6,000 คน พร้อมที่จะให้บริการในการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ทุกรูปแบบ รวมถึงการให้บริการระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะที่มาพร้อมกับศูนย์ปฏิบัติการอัจฉริยะเมทเธียร์ (Metthier Intelligent Operation Center: MIOC) และเทคโนโลยีแห่งอนาคต มุ่งมั่นที่จะพลิกโฉมและยกระดับ Smart Facility Management ของไทยสู่ระดับสากล พร้อมกับมอบคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความปลอดภัยให้กับทุกคน” นายขยล กล่าว


ที่มาข้อมูลและรูปภาพ : ข่าวประชาสัมพันธ์จาก บริษัท เมทเธียร์ จำกัด 

ข่าวแนะนำ