Threads ท้าชน Twitter มาร์ก ซักเคอร์เบิร์กสู้อีลอน มัสก์ !?

เป็นที่ฮือฮาอย่างมากกับการเปิดตัว เธรดส์ (Threads) แอพพลิเคชันน้องใหม่ จากค่ายเมตา (Meta) ของมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ซึ่งอาจเป็นการเปิดตัวเพื่อท้าชนกับทวิตเตอร์ (Twitter) ของอีลอน มัสก์ (Elon Musk) แถมยังเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวมากอีกคนหนึ่ง เนื่องจากเธรดส์มีฐานผู้ใช้เดียวกับอินสตาแกรม (Instagram) ซึ่งมีจำนวนมากทั่วโลก 

ลักษณะแอป Threads ของ Meta

เธรดส์ แอน อินสตาแกรม แอป (Threads, an instagram app) คือชื่ออย่างเป็นทางการของแอปใหม่ที่เมตาเปิดตัวเมื่อช่วง 6 นาฬิกา ของวันที่ 6 กรกฎาคม โดยเปิดให้ดาวน์โหลดทั้งบนระบบปฏิบัติการ iOS และ Android

ตัวแอปจะสร้างบัญชีด้วยการดึงข้อมูลจากอินสตาแกรม ทำให้ผู้ใช้ได้ฐานข้อมูลและการติดตามจากอินสตาแกรมและเฟซบุ๊กมาด้วย ส่วนการใช้งานหากใครเคยเล่นทวิตเตอร์นั้นก็น่าจะคุ้นชินกับเธรดส์ได้ไม่ยาก เพราะมีลักษณะการเล่นที่คล้ายกัน 

โดยเธรดส์จะมีหน้าตาแอปเรียบ ๆ ที่เน้นอ่านโพสต์สบายตา จำกัดตัวอักษร 500 ตัวต่อโพสต์ จำกัดจำนวนรูป 10 รูปต่อการโพสต์แต่ละครั้ง จำกัดเวลาวิดีโอที่โพสต์ไม่ให้เกิน 5 นาที พร้อมฟีเชอร์ความเป็นส่วนตัวที่ยกมาจากอินสตาแกรม

ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้งานเธรดส์ เลือกได้ว่าจะให้ทุกคนตอบกลับโพสต์ หรือเฉพาะคนที่เราเมนชัน หรือกล่าวถึงในเธรดส์ก็ได้ และกรองคอมเมนต์ที่มีคำที่ไม่พึงประสงค์ออกได้ เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้เธรดส์โดยเฉพาะ

เป้าหมายการเปิดตัวแอป Threads ของ Meta

แม้ว่าการเปิดตัวจะอยู่ในช่วงกระแสความขัดแย้งส่วนตัวระหว่างมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เจ้าของเมตาที่พัฒนาเธรดส์ขึ้นมา กับอีลอน มัสก์ เจ้าของทวิตเตอร์ แต่สื่อต่างประเทศได้จับตาและพบว่าทางเมตาได้ซุ่มพัฒนาภายใต้ชื่อ โครงการ 92 (Project 92) มาตั้งแต่หลังการเข้าซื้อทวิตเตอร์ของอีลอน มัสก์ในปีที่ผ่านมา จนกระทั่งเปิดตัวในวันนี้

โดยใน 2 ชั่วโมงแรกที่เปิดตัวนั้น มียอดดาวน์โหลดแอปเธรดส์ไปแล้วกว่า 2 ล้านครั้ง จากพื้นที่ให้บริการกว่า 100 ประเทศทั่วโลก รวมถึงในไทย ซึ่งอาจเป็นอานิสงค์จากที่ทวิตเตอร์จำกัดการอ่านโพสต์ของผู้ใช้ไม่เกินวันละ 600 โพสต์ ด้วย

อย่างไรก็ตาม นี่ยังเป็นเวอร์ชั่นเริ่มต้นของเธรดส์ และยังไม่ได้เปิดตัวในยุโรป เนื่องจากปัญหาข้อกฎหมายด้านความเป็นส่วนตัวในตอนนี้ แต่โดยภาพรวมแล้วเธรดส์อาจกลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดรายหนึ่งของทวิตเตอร์ก็เป็นได้

ที่มาข้อมูล The Verge, Wikipedia