TNN สหรัฐฯ ขึ้นเป็นตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอันดับ 2 ของโลก รองจากประเทศจีน

TNN

Tech

สหรัฐฯ ขึ้นเป็นตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอันดับ 2 ของโลก รองจากประเทศจีน

สหรัฐฯ ขึ้นเป็นตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอันดับ 2 ของโลก รองจากประเทศจีน

สหรัฐฯ แซงหน้าประเทศเยอรมนีขึ้นเป็นตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอันดับ 2 รองจากประเทศจีน

ตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกามีการเติบโตที่รวดเร็ว โดยจากข้อมูลของ Counterpoint Research บริษัทวิจัยด้านการตลาดระดับโลกประมาณการว่ายอดขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นกว่า 79% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2023 ซึ่งทำให้มีสัดส่วนแซงหน้าประเทศเยอรมนีขึ้นเป็นตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอันดับ 2 ของโลกเป็นรองเพียงแค่ตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศจีนเท่านั้น


การเติบโตที่รวดเร็วของตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกาส่วนหนึ่งมาจากนโยบายของรัฐบาลที่มีความชัดเจนและมุ่งเป้าสนับสนุนเทคโนโลยีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มที่ เช่น การให้เครดิตด้านภาษีรถยนต์พลังงานไฟฟ้า การลงทุนด้านแบตเตอรี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า เครือข่ายสถานีชาร์จ การสนับสนุนตั้งโรงงานรีไซเคิลแบตเตอรี่ทั่วประเทศ และคาดการณ์ว่ายอดการจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในปี 2023 ของสหรัฐอเมริกาอาจเพิ่มสูงขึ้นเป็น 1.5 ล้านคัน หากเศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ข้อมูลจาก Counterpoint Research ยังระบุอีกว่ายอดจำหน่ายของรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปเริ่มทรงตัว ในขณะที่ยอดขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าพุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว 


สำหรับบริษัทกลุ่มผู้นำด้านเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกา ประกอบไปด้วยบริษัท เทสลา (Tesla) มียอดขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า รุ่น Model Y และ Model 3 เป็นอันดับหนึ่งและสองคิดเป็นสัดส่วนรวมกัน 62.7 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอันดับสามเป็นบริษัท จีเอ็ม (GM) มียอดขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า รุ่น Bolt EUV และ Bolt คิดเป็นสัดส่วนอยู่ที่ 7.6 เปอร์เซ็นต์ และตามมาด้วยบริษัท โฟล์คสวา เก้น (Volkswagen) มียอดขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า รุ่น ID.4 คิดเป็นสัดส่วนอยู่ที่ 6.3%


อย่างไรก็ตามเมื่อสัดส่วนยอดขายของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริดลูกผสมระหว่างรถยนต์พลังงานไฟฟ้ากับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปพบว่าบริษัท เซ็ลลันติส (Stellantis) บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่เกิดจากการรวมกันระหว่างบริษัท Fiat Chrysler Automobiles (FCA) และบริษัท PSA Group ในปี 2021 มียอดขายรถยนต์ไฮบริด  PHEV Wrangler และ Grand Cherokee คิดเป็นสัดส่วน 43.9% ตามมาด้วยบริษัท BMW มียอดขายรถยนต์ไฮบริดรุ่น X5 คิดเป็นสัดส่วน 16.1% และบริษัท โตโยต้า (Toyota) มียอดขายรถยนต์ RAV 4  คิดเป็นสัดส่วน 15.4%


ที่มาของข้อมูล Engadget, Counterpointresearch,Theicct.org  

ที่มาของรูปภาพ Reuters 

ข่าวฮิตติดแท็ก

ข่าวแนะนำ