TNN ออสเตรเลียสั่งแบน TikTok ห้ามใช้งานในอุปกรณ์หน่วยงานรัฐ

TNN

Tech

ออสเตรเลียสั่งแบน TikTok ห้ามใช้งานในอุปกรณ์หน่วยงานรัฐ

ออสเตรเลียสั่งแบน TikTok ห้ามใช้งานในอุปกรณ์หน่วยงานรัฐ

ออสเตรเลียสั่งแบน TikTok ห้ามใช้งานในอุปกรณ์หน่วยงานรัฐ หลังมีข้อกังวลเกี่ยวกับการเก็บข้อมูลผู้ใช้งานจำนวนมากทำให้มีความเสี่ยงที่ข้อมูลความลับของประเทศรั่วไหล

เมื่อวันที่ 4 เมษายน ที่ผ่านมารัฐบาลออสเตรเลียได้ประกาศรวมแบนติ๊กต็อก  (TikTok) แอปพลิเคชันโซเชียลเน็ตเวิร์กประเภทวิดีโอสั้นที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก การแบนในครั้งนี้ได้ห้ามใช้งานติ๊กต็อก (TikTok) ในอุปกรณ์หน่วยงานรัฐ และเกิดขึ้นหลังจากสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศสและหลายประเทศในยุโรปที่เริ่มแบนแอปพลิเคชันติ๊กต็อก (TikTok) ไปก่อนหน้านี้


นายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบาเนซี ของออสเตรเลีย เห็นชอบตามรายงานคำแนะนำของกระทรวงมหาดไทยของประเทศออสเตรเลียที่มองว่าแอปพลิเคชันติ๊กต็อก (TikTok) ดำเนินการโดยบริษัทแม่ที่อยู่ในประเทศจีนและมีการเก็บข้อมูลผู้ใช้งานจำนวนมากทำให้มีความเสี่ยงที่ข้อมูลความลับของประเทศรั่วไหล


อย่างไรก็ตามรัฐบาลยังคงอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานราชการสามารถใช้แอปพลิเคชันติ๊กต็อก (TikTok) ได้แต่ต้องใช้ในอุปกรณ์สมาร์ตโฟนของตัวเองเท่านั้นห้ามใช้งานบนอุปกรณ์ของรัฐ นอกจากนี้การแบน Tiktok บนอุปกรณ์หน่วยงานของรัฐจะไม่กระทบต่อประชาชนทั่วไปที่ยังคงใช้งานได้ตามปกติ


นอกจากประเทศออสเตรเลียชาติพันธมิตรที่อยู่ใกล้กันอย่างนิวซีแลนด์ก็มีมติให้ลบแอปพลิเคชันติ๊กต็อก (TikTok) ออกจากอุปกรณ์ทั้งหมดของภาครัฐที่สามารถเข้าถึงข้อมูลสภานิติบัญญัติของประเทศได้


ก่อนหน้านี้ในต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดาได้ออกมาประกาศแบนติ๊กต็อก (TikTok) โดยแคนาดาเป็นประเทศแรกที่ประกาศตามมาด้วยสหรัฐอเมริกาบนอุปกรณ์ทั้งหมดของภาครัฐ โดยให้เหตุผลเดียวกันกับออสเตรเลียในด้านความมั่งคงและการจารกรรมข้อมูลส่วนบุคคลและหน่วยงานภาครัฐ


ทางด้านของบริษัทผู้ให้บริการติ๊กต็อก (TikTok) ในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์กล่าวแสดงความผิดหวังต่อประกาศดังกล่าวของออสเตรเลียและยืนยันว่าแอปพลิเคชันติ๊กต็อก (TikTok) มีความปลอดภัยสูงและไม่เคยจารกรรมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบุคคลหรือหน่วยงานรัฐบาลในประเทศที่เปิดให้บริการ นอกจากนี้บริษัทยังติดต่อประสานงานกับรัฐบาลประเทศออสเตรเลียอย่างใกล้ชิดเพื่อให้เกิดความร่วมมือในทางที่ถูกต้องมากที่สุด 


ที่มาของข้อมูลและรูปภาพ CNN

ข่าวฮิตติดแท็ก

ข่าวแนะนำ