ส่องข้อมูลและราคา 6 ค่ายสถานีชาร์จรถ EV ที่แพร่หลายในไทย

เมื่อไม่นานมานี้การเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ค่ายดังจากจีนได้สร้างกระแสตื่นตัวถึงขั้นมีการต่อคิวรอจองกันมาแล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ต่างก็ต้องหาข้อมูลเรื่องสำคัญอย่างสถานีชาร์จ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องวางแผนและทำความเข้าใจ เพื่อให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าของตัวเองนั้นสามารถขับขี่ได้โดยไม่มีสะดุดเรื่องหมดไฟ และท่ามกลางการแข่งขันอันดุเดือดของวงการสถานีชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ก็มีถึง 6 ราย ที่แพร่หลายและน่าจับตามอง

ผู้ให้บริการสถานีชาร์จรถ EV จากหน่วยงานต่าง ๆ

ผู้ให้บริการรายแรกก็คือ Elex by EGAT ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่กระจายตัวตามสถานีบริการน้ำมันและสถานที่ราชการ ตลอดจนห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการที่ให้กำลังไฟสูงสุด โดยที่ชาร์จแบบ Fast Charge ด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC) นั้นสูงถึง 125 กิโลวัตต์ (kW) รองรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในเมืองไทยแทบทุกรุ่น เพราะมีหัวชาร์จตามมาตรฐานสากล และคิดราคาตามการจ่ายไฟที่หน่วยละ 7.5 บาท

การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) เป็นอีกหน่วยงานของรัฐที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสถานีชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยมีชื่อบริการว่า PEA Volta ให้กำลังไฟสูงสุด 50 กิโลวัตต์ (kW) สำหรับการชาร์จด้วยกระแสตรง และ 43 กิโลวัตต์ (kW) เมื่อชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ คิดค่าบริการตามช่วงเวลาการใช้งาน (Time of Use: TOU) โดยช่วงกลางวันจะอยู่ที่หน่วยละ 7.9778 หรือประมาณ 8 บาท ส่วนการชาร์จไฟช่วงเวลากลางคืน ซึ่งเป็นช่วงที่มีการใช้งานน้อย (Off Peak) จะคิดในอัตรา 4.5952 บาท หรือราว ๆ 4.6 บาทต่อหน่วย

ในขณะที่ปตท. ซึ่งให้บริการน้ำมันอยู่เป็นทุนเดิมก็หันมาให้บริการที่ชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ในชื่อบริการ PTT EV Station นั้นมีรูปแบบสถานีชาร์จที่หลากหลาย แต่ทางบริษัทกำลังเร่งติดตั้งสถานีชาร์จเร็วกระแสตรง (DC Fast Charge) ที่มีกำลังไฟสูงสุดถึง 160 กิโลวัตต์ (kW) พร้อมสถานีกำลังไฟอีกหลายรูปแบบ และแบบกระแสสลับกำลังสูงสุด 22 กิโลวัตต์ (kW) ซึ่งทั้งสองรูปแบบคิดค่าบริการแบบ TOU เช่นกัน ในช่วงกลางวันคิดราคา 7.5 บาทต่อหน่วย ส่วนช่วงกลางคืนอยู่ที่ 4.5 บาทต่อหน่วย

ผู้ให้บริการสถานีชาร์จรถ EV จากภาคเอกชน

บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ (EA) เป็นเอกชนที่เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกด้านพลังงานไฟฟ้าที่สำคัญ โดยมี EA Anywhere สถานีชาร์จที่กระจายตัวหลายจุดในกรุงเทพฯ และบริเวณโดยรอบ และยังเป็นหนึ่งในพันธมิตรสำคัญกับซีพีออลล์ (CP ALL) เพื่อช่วยขับเคลื่อนการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า มีสถานีที่จ่ายไฟแบบ DC ได้สูงสุด 150 กิโลวัตต์ (kW) ส่วนสถานีชาร์จแบบ AC จะมีกำลังไฟ 22 กิโลวัตต์ (kW) คิดราคา 7.5 บาทต่อหน่วย สำหรับสถานีแบบ DC และรายชั่วโมงสำหรับ AC ที่ราคาเพดานสูงสุด 50 บาทต่อชั่วโมง

อีโวลต์ (evolt) เป็นผู้ให้บริการสถานีชาร์จหน้าใหม่ที่ผันตัวต่อยอดจากรูปแบบขายติดตั้งตามบ้านเรือน โดยมุ่งเน้นไปที่สถานีชาร์จแบบ AC ที่มีกำลังสูงสุด 22 กิโลวัตต์ (kW) ซึ่งร่วมมือกับห้างร้าน ค่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบรนด์ดังต่าง ๆ และพื้นที่อื่น ๆ เพื่อให้บริการสถานีชาร์จ โดยคิดค่าบริการ 2 รูปแบบ แล้วแต่ละสถานีกำหนด คือแบบตามหน่วยใช้ไฟ ซึ่งมีราคาในช่วง 8 - 10 บาทต่อหน่วย และรูปแบบตามเวลาที่คิดตามเวลาใช้งานจริง เฉลี่ยได้นาทีละ 1 บาท

ปิดท้ายด้วยชาร์จ (SHARGE) น้องใหม่ในเมืองไทยอีกรายที่ได้จับมือกับเชลล์ รีชาร์จ (SHELL Recharge) ทำสถานีให้บริการแบบ DC ที่มีกำลังสูงถึง 180 กิโลวัตต์ (kW) นำร่องในบางที และยังได้พัฒนาสถานีชาร์จของตนเองทั้งแบบกระแสตรงและกระแสสลับซึ่งมีกำลังไฟสูงสุดที่ 22 กิโลวัตต์ (kW) เช่นกัน โดยมีอัตราค่าบริการอยู่ที่ 7.5 บาทต่อหน่วย สำหรับสถานีชาร์จแบบ DC และชั่วโมงละ 50 บาท สำหรับสถานีชาร์จแบบ AC

การใช้งานสถานีชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั้ง 6 ราย ตลอดจนผู้ให้บริการรายอื่นนั้นจำเป็นจะต้องติดตั้งแอปพลิเคชันของผู้ให้บริการ เพื่อให้สามารถใช้งานสถานีชาร์จในเครือข่ายได้โดยง่ายและรวดเร็ว รวมถึงเข้าถึงตำแหน่งที่ตั้งของสถานีชาร์จที่ใกล้ผู้ใช้รถนั่นเอง

ที่มาข้อมูล Elex by EGAT, PTTOR, PEA Volta, EA Anywhere, CP ALL, Evolt, SHARGE

ที่มารูปภาพ Gettyimage