Samsung เปิดตัวนาฬิกา Galaxy Watch 5 และหูฟัง Galaxy Buds2 Pro

นาฬิกา Galaxy Watch 5

นาฬิกาสมาร์ตวอช กาแล็กซี่ วอช 5 (Galaxy Watch 5) เปิดตัวทั้งหมด 4 สี ได้แก่สีกราไฟต์ (Graphite) สีเงิน (Silver) สีแซฟไฟร์ (Sapphire) สำหรับรุ่นขนาดตัวเรือน 44 มิลลิเมตร และสีพิงค์โกลด์ (Pink Gold) สำหรับรุ่นขนาดตัวเรือน 40 มิลลิเมตร  การออกแบบเน้นปรับให้ทันสมัย ตัดปุ่มสั่งการที่คล้ายเม็ดมะยมบนนาฬิกาข้อมือปกติออกไป เปิดราคาเริ่มต้นที่ 8,490 บาท สำหรับรุ่นการเชื่อมต่อด้วยบลูทูธ (Bluetooth) และราคา 11,900 บาท สำหรับรุ่นการเชื่อมต่อแบบ 4G 

การปรับปรุงในปีนี้เน้นการเพิ่มเติมต่อยอดความสามารถให้มากขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า เริ่มจากเซ็นเซอร์ไบโอแอคทีฟ (BioActive Sensor) ที่ผสานกับกับบริเวณตัวเรือนส่วนที่สัมผัสกับผิวหนังเพื่อปรับปรุงการทำงานของเซ็นเซอร์ให้แม่นยำและทำงานได้หลากหลายมากขึ้น ทั้งการตรวจวัดการเต้นของหัวใจ การวัดค่า SpO2 และการวัดสัดส่วนองค์ประกอบต่าง ๆ ภายในร่างกายด้วยเทคนิควัดความต้านทานไฟฟ้าทางชีวภาพ (BIA: Bioelectrical Impedance Analysis) ซึ่งใช้ต่อยอดในการตรวจสุขภาพอื่น ๆ อย่างระบบการวัดคุณภาพการนอนได้

เซ็นเซอร์อีกตัวที่ได้รับการปรับปรุงเป็นตัวใหม่คือเซ็นเซอร์ตรวจวัดอุณหภูมิผิวหนัง แม้ว่าจะยังไม่ได้มีการเปิดตัวคุณสมบัติอย่างเป็นทางการ เพราะฟีเจอร์นี้ยังไม่สามารถใช้งานได้ ณ วันที่เปิดตัว แต่การแยกตัวเซ็นเซอร์มาไว้ที่ศูนย์กลางใต้นาฬิกาจึงคาดว่าจะเกี่ยวข้องกับการตรวจวัดการนอนหรือระบบร่างกายที่เกี่ยวข้องในอนาคต

การปรับปรุงเพิ่มเติมที่น่าสนใจอยู่ที่หน้าจอ ตัวเรือนในกาแล็คซี่ วอช 5 (Galaxy Watch 5) นั้นเป็นแบบผลึกแซฟไฟร์ (Sapphire Crystal) ซึ่งทนทานกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 60% อีกทั้งยังได้รับการปรับปรุงแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนให้สามารถใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุด 50 ชั่วโมง รองรับการชาร์จเร็ว 45% ได้ภายใน 30 นาที 

ในงานเปิดตัวครั้งนี้ยังมีการเปิดตัวสมาร์ตวอช กาแล็คซี่ วอช 5 โปร (Galaxy Watch 5 Pro) ซึ่งมีการออกแบบภายนอกให้ทั้งหมดให้ดูหรูหรามีระดับมากขึ้น พร้อมยังเพิ่มประสิทธิภาพแบตเตอรี่ให้สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุดถึง 80 ชั่วโมง 

Galaxy Buds2 Pro

หูฟังกาแล็กซี บัดซ์2 โปร (Galaxy Buds2 Pro) เปิดตัวมาทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีขาว (White), สีดำกราไฟต์ (Graphite) และสีม่วงโบรา (Bora Purple) ในราคา 6,990 บาท

ตัวหูฟังมีน้ำหนักเพียง 5.5 กรัม และมีขนาดเล็กกว่ารุ่นก่อนอย่างกาแล็กซี บัดซ์ โปร (Galaxy Buds Pro) มากถึง 15 เปอร์เซ็นต์ สามารถกันน้ำได้ในระดับหนึ่ง เช่น เหงื่อ, หยาดฝน และน้ำหก เป็นต้น แถมยังใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 5 ชั่วโมง และนาน 18 ชั่วโมง เมื่อใช้ร่วมกับเคส

รูปร่างภายในถูกออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ทำให้สวมใสได้พอดี อีกทั้งยังอาศัยหลักการไหลของอากาศ เพื่อช่วยลดแรงดันอากาศภายในช่องหู ทำให้ไม่หลุดง่าย และช่วยลดเสียงรบกวน 

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับการตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟ (ANC) ที่ดีกว่าเดิม ดัวยไมโครโฟนเอสเอ็นอาร์ (SNR) ระดับสูงจำนวน 3 ตัว ที่สามารถติดตามและขจัดเสียงภายนอกได้ แต่เมื่อตัวตรวจจับเสียง (Voice Detect) ตรวจจับเสียงสนทนาของผู้ใช้งาน หูฟังจะปิดระบบตัวเสียงรบกวนแบบแอคทีฟโดยอัตโนมัติ

ภายในมาพร้อมลำโพง 2 ทิศทาง เพื่อตอบสนองย่านความถี่ที่กว้างขึ้น มีวูฟเฟอร์ (Woofer) คอยให้เสียงเบสที่ลุ่มลึก และทวีตเตอร์ (Tweeter) ที่จะคอยให้เสียงแหลมอย่างคมชัด

ให้สัมผัสเสียงได้มากถึง 360 องศา  อีกทั้งยังสามารถเข้ารหัสเสียง 24 บิท (24 Bit) ได้อย่างเต็มรูปแบบ จึงทำให้เสมือนอยู่ในเหตุการณ์จริง

ที่น่าสนใจคือการเปลี่ยนอัตโนมัติ (Auto Switch) ซึ่งจะคอยตรวจจับจับกิจกรรมที่เกิดขึ้นในอุปกรณ์เคลื่อนที่ แล้วเปลี่ยนการเชื่อมต่อไปยังโทรศัพท์, แท็บเล็ต และนาฬิกาข้อมือได้เอง แต่อย่างไรก็ตามอุปกรณ์ทั้งหมดจะต้องเคยเชื่อมต่อกับตัวหูฟังก่อน โดยการเชื่อมต่อทำได้เพียงเปิดเคสออกและแตะที่หูฟัง

สำหรับใครที่ขี้ลืมสามารถติดตามหูฟังได้ด้วยฟีเจอร์การติดตามตำแหน่ง และแม้หูฟังจะไม่อยู่ในเคส เมื่อโทรศัพท์ออกห่างหูฟังในระยะที่กำหนด จะมีการส่งข้อความเข้าไปแจ้งเตือนที่โทรศัพท์ทันที

ที่มาของข้อมูลและรูปภาพ ซัมซุง ประเทศไทย