แฮกเกอร์อ้างมีข้อมูลส่วนบุคคลของชาวจีน 1 พันล้านคน ประกาศขายด้วยเหรียญบิตคอยน์

แฮกเกอร์ลึกลับประกาศอ้างว่าจะขายข้อมูลส่วนตัวประชาชนในจีนมากกว่า 1 พันล้านคน แลกกับเหรียญบิตคอยน์ 10 เหรียญ หรือมากกว่า 70 ล้านบาท

ประเทศจีนมักตกเป็นข่าวว่าเป็นแหล่งที่อยู่หรือฐานปฏิบัติการของแฮกเกอร์ (Hacker) หรือผู้ที่ใช้คำสั่งโปรแกรมเพื่อโจมตีทางไซเบอร์ (Cyber Attacking) หรือขโมยข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบดิจิทัล แต่ล่าสุด แฮกเกอร์นิรนามที่ใช้ฉายาว่าไชน่าแดน (ChinaDan) กล่าวอ้างว่าตัวเองได้ทำการแฮกข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลอื่น ๆ ของประชาชนจากสำนักงานตำรวจเซี่ยงไฮ้ (Shanghai National Police) พร้อมประกาศวางขายผ่านเว็บสนทนากลาง (Forum) ของกลุ่มแฮกเกอร์เมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา

ถึงแม้ว่าการประกาศการโจมตีในครั้งนี้จะเป็นการประกาศกล่าวอ้างเพียงฝ่ายเดียว แต่สำนักงานตำรวจเซี่ยงไฮ้และรัฐบาลท้องถิ่นต่างก็ปฏิเสธการให้ความเห็นในเรื่องดังกล่าว ในขณะเดียวกันแฮชแท็กที่เกี่ยวข้องกับคำว่า “ข้อมูลรั่ว” บนเวยป๋อ (Weibo) แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหลักของประเทศถูกปิดกั้นการเข้าถึง หลังจากที่ตกเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้างหลังมีข่าวออกมาอย่างรวดเร็ว

การประกาศของไชน่าแดน (ChinaDan) อ้างว่าตัวเองได้แฮกชื่อ ที่อยู่ สถานที่เกิด เลขประจำตัวประชาชน หมายเลขโทรศัพท์มือถือ รวมถึงประวัติการก่ออาชญากรรมต่าง ๆ ของประชาชนจากฐานข้อมูลของสำนักงานตำรวจเซี่ยงไฮ้ซึ่งอยู่ภายใต้สังกัดกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ (Ministry of Public Security) ร่วมนับพันล้านคน

หลังจากการประกาศไม่นาน ไบแนนซ์ (Binance) ตลาดกลางซื้อขายสกุลเหรียญคริปโต (Cryptocurrency) ชื่อดังได้ยกระดับการยืนยันตัวตนบุคคลให้เข้มงวดและหลายขั้นตอนมากขึ้น เพื่อรับมือความเสี่ยงในกรณีที่ข้อมูล 1 พันล้านคนจะถูกซื้อต่อไปแล้วจริง ๆ

จ้าว ฉางเผิง (Zhao Changpeng) ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไบแนนซ์ (Binance) ได้ทวีตข้อมูลบนทวิตเตอร์ส่วนตัวเมื่อวันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยอ้างว่าสาเหตุข้อมูลรั่วซึ่งอาจจะเป็นครั้งที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งของโลกเกิดจากนักพัฒนาซอฟต์แวร์คนหนึ่งของ CSDN บริษัทอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่ของจีน ซึ่งทำงานให้กับรัฐบาลได้บังเอิญทำข้อมูลใบรับรองระบบฐานข้อมูลหลุดโดยบังเอิญในคำสั่งเบื้องหลังเว็บบล็อกส่วนตัวของนักพัฒนาคนนั้น เป็นเหตุให้เกิดช่องโหว่ที่ทำให้แฮกเกอร์คนดังกล่าวนำไปเข้าถึงฐานข้อมูลได้ในที่สุด และแน่นอนว่าบริษัทที่โดนพาดพิงนั้นมองว่าการกล่าวหาว่าทีมงานเป็นต้นตอของข่าวการรั่วไหลเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

แต่อย่างไรก็ตาม ข่าวคราวข้อมูลรั่วครั้งประวัติศาสตร์ในครั้งนี้เกิดขึ้นระหว่างที่รัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์อยู่ระหว่างการต่อสู้กับภาคเอกชน โดยเฉพาะบริษัทเทคโนโลยียักษใหญ่ ในการยกระดับปรับปรุงมาตรการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล ข่าวนี้จึงสั่นสะเทือนและสะท้อนถึงปัญหาการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลบนระบบออนไลน์ในจีนได้เป็นอย่างดี

ที่มาข้อมูล Reuters

ที่มารูปภาพ Pixabay