"Formula One 2022" เทคโนโลยีใหม่ แรง เร็ว ยิ่งใหญ่กว่าเดิม !!
Formula One 2022 ปรับโฉมรถใหม่ ดีขึ้น ตื่นเต้นขึ้น เจ๋งโคตร ๆ
Formula One หรือ F1 ปี 2022 ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยการแข่งขันรอบแรกจบลงเมื่อวันที่ 20 มีนาที่ผ่านมา และรอบที่สองจะเริ่มขึ้น 25 - 27 มีนาคมนี้ อย่างไรก็ตามการแข่งขันมีทั้งหมด 22 รอบ ซึ่งแข่งยาวไปจนถึงช่วงเดือนพฤศจิกายนนู่นเลย เพราะการเลื่อนแข่งออกมานานถึง 1 ปี (เพราะโควิด) ทำให้ในปีนี้ รถของทาง F1 ได้มีอะไรอย่างทีเดียวที่มีการเปลี่ยนแปลง มาดูกันว่ามีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ?
"Formula One 2022" เทคโนโลยีใหม่ แรง เร็ว ยิ่งใหญ่กว่าเดิม !!
- ตัวรถลดการสูญเสีย Downforce เหลือเพียง 4% จาก 35% ในระยะห่าง 20 เมตร (เกาะกลุ่ม 3 คัน) และ 18% จาก 47% เมื่อวิ่งห่างกัน 10 เมตร (ไล่ตามกัน 2 คัน) สิ่งนี้จะทำให้การแข่งขันเข้มข้นและสูสีมากขึ้น เราจะได้เห็นรถหลายคันที่ตามหลัง มีโอกาสในการแซงกันได้ง่ายขึ้นมาก บอกเลยน่าตื่นเต้นมากๆ
- ติดตั้ง Over-wheel Winglet ควบคุมกระแสลมที่ไหลผ่านล้อหน้าให้ออกไปทางด้านปีกหลังของรถ สร้าง Dirty Air ไปรบกวนรถที่ตามหลัง เพิ่มประสิทธิภาพของระบบ Aerodynamic มากขึ้น หากวิ่งเกาะกลุ่มกัน
- นำ Wheel Cover กลับมา ช่วยกำหนดทิศทางของกระแสลมให้ไหลผ่านล้อ เพิ่ม Downforce ให้ตัวรถ ลดแรงปะทะของลมที่เข้าสู่รถในเวลาเดียวกัน
- ขนาดยาง Pirelli ใหม่ 18 นิ้ว ช่วยลดอุณหภูมิของยางในจังหวะที่รถสูญเสียการควบคุมลง เพิ่มความสูสีในการแข่งขันมากขึ้น ก่อนหน้า 13 นิ้ว และลดอุณหภูมิของยางหน้าและหลังที่ 100 และ 80 องศา เหลือเพียง 70 องศาทั้งยางหน้าและยางหลัง ความหนึบของยางอาจจะมีไม่เท่าของปีก่อนอย่างแน่นอน ส่วนเรื่องแรงลมยางนั้นก็มีผลอย่างแน่นอน เพราะล้อขนาด 18 นิ้ว จะมีแก้มยางที่บางกว่าปีก่อนพอสมควร ทำให้ตัวยางมีความทนทานมากขึ้น
- เป็นครั้งแรกที่ใช้ยางรูปแบบ Low Profile หรือยางแก้มเตี้ย ลดอาการบุบของแก้มยาง เพิ่มประสิทธิภาพของระบบอากาศพลศาสตร์ ให้ความสำคัญกับการจำลองระบบไหลเวียนของอากาศบริเวณยางที่ส่งผลกระทบกับโครงสร้างตัวรถ
- ติดตั้งปีกหน้ารูปทรงใหม่ เพิ่มแรงกด Downforce ในขณะวิ่งเพื่อไล่ตามรถคันอื่นได้ใกล้มากขึ้น Dirty Air ที่ปะทะกับล้อหน้าจะไหลลงสู่ด้านล่างตัวรถ ลดการรบกวนลง กระแสลมจากด้านข้างตัวรถจะลดลงหลายเท่า ช่วยลดระยะการหักพวงมาลัยให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
- พัฒนาระบบ Aerodynamic ด้วยการนำ Ground Effect ที่สร้างแรงกดจากใต้ท้องรถกลับมา ช่วยเสริมแรงกด Downforce บนตัวรถให้มีประสิทธิภาพในการควบคุมมากขึ้น
- Rolled Tips ปีกหลังเสริมอุปกรณ์ใหม่ ออกแบบให้กระแสลมไหลสู่ด้านล่างเพื่อให้ Dirty Air ถูกส่งผ่านไปสู่รถคันหลังสร้างความยากลำบากในการไล่แซงมากกว่าเดิม รูปทรงและขนาดของตัวรถในปี 2022 ปีกหลังจะสร้างกระแสลมหมุนเวียนจากล้อหลังไปสู่ด้านล่างบริเวณ Diffuser กลายเป็นกระแสลมล่องหนรูปทรงเห็ด กระแสลมที่ไม่เกิดประโยชน์จะถูกขจัดออกไป ทำให้อากาศถูกถ่ายเทออกไปสู่ด้านบน และทำให้รถที่อยู่ข้างหลังขับผ่านกระแสลมที่กลายเป็นกระแสลมดี Clean Air โดยตำแหน่ง DRS ยังอยู่ที่เดิมบนปีกหลัง
- รถแข่งทุกคัน ต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของวัสดุธรรมชาติ 10% หรือ E10 Fuel (น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E10)
- รถแข่งในปีนี้จะมีโครงสร้างตัวถังที่สามารถดูดซับแรงกระแทกจากการชนด้านหน้าได้มากถึง 48% และเพิ่มอีก 15% กับการชนในด้านท้าย แยกระบบเครื่องยนต์ออกจากตัวถัง ปกปิดส่วนที่เป็นถังน้ำมันเพื่อความปลอดภัย เพิ่มความยาวของจมูกหน้าเพื่อช่วยกระจายแรงกระแทกหากเกิดการชน เสริมความแข็งแรงให้ตัวถังด้านข้างเพื่อปกป้องนักแข่งให้ดีขึ้น มีการเพิ่มขนาดของยาง ลดความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุระหว่างการแข่งขัน ทำให้น้ำหนักรวมของรถเพิ่มมากขึ้นจากเดิมราว 5% จาก 752 กิโลกรัม ไปเป็น 790 กิโลกรัม
- มีการใช้เครื่องจำลองซีมูเลเตอร์มากกว่า 7,500 ครั้ง และเก็บรวบรวมข้อมูลราว 500,000 กิกะไบต์หรือเทียบเท่ากับ 1 ใน 3 ของรูปภาพ 1 หมื่นล้านรูปบน Facebook ใช้ระบบประมวลผลขนาด 16.5 ล้านคอร์ เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล มีการออกแบบโครงสร้างรถแข่ง 138 คัน ทำการทดสอบตลอดระยะเวลา 2 ปี เป็นเวลารวมกว่า 100 ชั่วโมงในอุโมงค์ลมของทีม Sauber ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จนสุดท้ายก็ถือกำเนิดรถแข่งของปีนี้ (2022) ออกมาได้สำเร็จ
แหล่งที่มา formula1.com
ข่าวแนะนำ
-
จีนทดลองวิ่งรถบรรทุกไร้คนขับ
- 08:11 น.
-
จีนเร่งพัฒนาจรวดขนส่งไปดวงจันทร์
- 20/6/67