เปรียบเทียบยานอวกาศ Soyuz รัสเซียและยาน Crew Dragon สหรัฐอเมริกา
ยานอวกาศ 2 ลำ ที่มีขีดความสามารถในการส่งมนุษย์ขึ้นสู่อวกาศจาก 2 ประเทศมหาอำนาจด้านเทคโนโลยีอวกาศ
เทคโนโลยียานอวกาศได้รับการพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่องนับจากช่วงสงครามเย็น ปัจจุบันการแข่งขันด้านอวกาศลดน้อยลงและเปลี่ยนเป็นความร่วมมือในการสำรวจอวกาศ ยานอวกาศ Soyuz ของประเทศรัสเซียกลายเป็นหนึ่งในยานอวกาศที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดรุ่นหนึ่งและต่อปรับปรุงใช้งานมาอย่างต่อเนื่องนับจากเที่ยวบินแรกในปี 1966 ในขณะที่ยานอวกาศ Crew Dragon พัฒนาโดยบริษัท SpaceX ในสหรัฐอเมริกากลายเป็นเทคโนโลยียานอวกาศที่ทันสมัยมากที่สุดและสามารถนำยานอวกาศกลับมาใช้งานซ้ำเพื่อลดต้นทุนในการขนส่งอวกาศ
ยานอวกาศ Soyuz
หนึ่งในยานอวกาศที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดรุ่นหนึ่งในวงการอวกาศ ออกแบบและพัฒนาโดย Korolev Design Bureau ปัจจุบัน คือ บริษัท Energia โครงสร้างของยานแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ด้วยกันประกอบด้วย
Orbital Module โครงสร้างความสูงประมาณ 2.6 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 2.2 เมตร ทำหน้าที่เป็นส่วนเชื่อมต่อเข้ากับสถานีอวกาศนานาชาติ ISS และพื้นที่สำหรับเตรียมตัวสำหรับนักบินอวกาศที่ต้องทำภารกิจเดินอวกาศภายนอกยาน
Descent Module โครงสร้างความสูงประมาณ 2.1 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 2.2 เมตร ทำหน้าที่เป็นห้องโดยสารสำหรับนักบินอวกาศ รองรับนักบินอวกาศได้สูงสุด 3 คน รวมไปถึงบรรทุกสัมภาระบางส่วนภายใน Module นี้ด้วย
Instrumentation and Service Module โครงสร้างความสูงประมาณ 2.5 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 2.2 เมตร ทำหน้าที่เป็นระบบขับเคลื่อนยานและระบบผลิตกระแสไฟฟ้าโดยใช้แผงโซลาร์เซลล์ความกว้างประมาณ 10.6 เมตร
ยานอวกาศ Soyuz มีลักษณะใกล้เคียงกับยาน Progress แต่ยาน Progress ออกแบบให้ใช้ทำภารกิจขนส่งทรัพยากรเท่านั้นไม่สามารถขนส่งมนุษย์อวกาศได้ ปัจจุบันยานอวกาศ Soyuz ถูกพัฒนาปรับปรุงเป็นเจเนอเรชันที่ 4 ชื่อว่า Soyuz MS รัสเซียใช้ทำภารกิจมาตั้งแต่ช่วงปี 2016
จรวด Soyuz-2.1a ถูกพัฒนาขึ้นมาจากจรวดรุ่นก่อนหน้าของรัสเซีย Voskhod และสามารถย้อนไปถึงจรวดรุ่น Vostok , Sputnik และ R-7 ของอดีตสหภาพโซเวียติ จรวด Soyuz-2 ถูกใช้งานครั้งแรกในช่วงปี 2006 เป็นจรวดรุ่นหนึ่งได้รับการพิสูจย์ถึงประสิทธิภาพมาแล้ว ปัจจุบันพัฒนามาถึงเวอร์ชัน Soyuz-2.1a และ Soyuz-2.1b สำหรับจรวด Soyuz-2.1b รัสเซียมักใช้กับภารกิจขนส่งดาวเทียม
ยานอวกาศ Crew Dragon
ยานอวกาศที่ใช้ทำภารกิจขนส่งมนุษย์อวกาศของบริษัท SpaceX ทดสอบเดินทางขึ้นสู่อวกาศครั้งแรกแบบไร้นักบินอวกาศในปี 2019 ก่อนทำการทดสอบภารกิจแบบมีนักบินอวกาศในปี 2020
โครงสร้างของยาน Crew Dragon แบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน ประกอบด้วย
Capsule ส่วนที่ใช้เป็นห้องโดยสารของยานอวกาศรองรับนักบินอวกาศได้ประมาณ 4 คน ในภารกิจปกติแต่สำหรับภารกิจฉุกเฉินสามารถปรับเปลี่ยนให้รองรับนักบินอวกาศได้ถึง 7 คน ส่วนของ Capsule ทำหน้าที่เชื่อมต่อเข้ากับสถานีอวกาศนานาชาติ ISS
Trunk ส่วนที่ใช้เป็นพื้นที่เก็บสัมภาระที่เดินทางไปพร้อมยานอวกาศ รวมไปถึงติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เอาไว้บริเวณผิวด้านนอกเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ในกระบวนการเดินทางกลับโลก Trunk จะแยกตัวออกจาก Capsule โดย Trunk จะถูกทำลายในชั้นบรรยากาศ ส่วน Capsule พร้อมนักบินอวกาศจะเดินทางกลับโลกอย่างปลอดภัย
ยาน Crew Dragon มียานอวกาศอีกลำที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน คือ Cargo Dragon ถูกออกแบบให้ใช้ทำภารกิจขนส่งทรัพยากรขึ้นสู่สถานีอวกาศนานาชาติ ISS โดยไม่มีนักบินอวกาศอยู่ภายในยาน
ในช่วงแรกของการพัฒนายานอวกาศ Crew Dragon ถูกออกแบบให้เดินทางขึ้นสู่อวกาศโดยใช้จรวด Falcon 9 และเดินทางกลับโลกโดยใช้เครื่องยนต์จรวด SuperDraco ทำการลงจอดบนพื้นดิน ต่อมาได้มีการปรับเปลี่ยนแผนการให้ยานลงจอดโดยร่มชูชีพกลางมหาสมุทร ส่วนเครื่องยนต์จรวด SuperDraco ที่อยู่ด้านข้างของ Capsule ถูกปรับเปลี่ยนเป็นระบบแยกตัวหนีฉุกเฉินให้กับยานขณะเดินทางขึ้นสู่อวกาศ
จรวด Falcon 9 หัวใจสำคัญของการเดินทางขึ้นสู่อวกาศของยาน Crew Dragon ปัจจุบันถูกพัฒนาขึ้นมาเป็นเวอร์ชัน Falcon 9 Block 5 จรวดสามารถเดินทางกลับโลกลงจอดบนเรือโดรนอัตโนมัติไร้คนขับกลางมหาสมุทรแอตแลนติก รวมไปถึงการลงจอดบนแผ่นดินซึ่งวิธีการดังกล่าวทำให้ต้นทุนการขนส่งอวกาศมีราคาที่ถูกลง
ข้อมูลจาก spacex.com, esa.int
ภาพจาก spacex.com
ข่าวแนะนำ
-
จีนทดลองวิ่งรถบรรทุกไร้คนขับ
- 08:11 น.
-
จีนเร่งพัฒนาจรวดขนส่งไปดวงจันทร์
- 20/6/67