สิ้นแล้วรองช้ำ: ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน กับ “120 ปีที่รอคอย” แชมป์บุนเดสลีกา
การสร้างตำนานคว้าแชมป์บุนเดสลีกาของ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ในรอบ 120 ปีของสโมสร ต้องผ่านขวากหนามมาสารพัด โดยเฉพาะการเป็น "รองช้ำ" อยู่บ่อยครั้ง จนแฟนบอลทีมอื่น ๆ ล้อเลียนว่า "Neverkusen" เลยทีเดียว
ในโลกของกีฬาฟุตบอล ที่ทำให้เกิดการ “เร้าอารมณ์” อย่างถึงพริกถึงขิงได้อย่างง่าย การได้รับสถานะรองแชมป์นั้น ยิ่งสร้าง “ตราบาป” ให้แก่ทั้งทีมฟุตบอล และแฟนบอลอย่างมหาศาล
ไม่แตกต่างจากการเป็น “รองช้ำ” เสียให้ได้
เรื่องราวนี้ หากเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ก็เกินจะรับไหว หากแต่กับ “ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน” ยอดทีมจากบุนเดสลีกา เยอรมนี แล้ว กลับเกิดขึ้น “เป็นนิจศีล” เสียจนชาชินเลยก็ว่าได้
แต่ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ เนื่องจากในฤดูกาล 2023-24 นี้ ในที่สุด พวกเขาก็สามารถที่จะสลัดการเป็นรองช้ำ คว้าแชมป์บุนเดสลีกา “ได้เป็นสมัยแรก” ตลอดประวัติศาสตร์การก่อตั้งสโมสรมากว่า 120 ปี เลยทีเดียว
ร่วมพิจารณา “รอยทาง” กว่าจะ “สร้างตำนาน” ของพลพรรค “ห้างขายยา” ทีมนี้ได้ ณ บัดนี้
อยู่มานาน แต่ตำนานเพิ่งสร้าง
ที่จริงนั้น ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสโมสร “เก่าแก่” ประจำรัฐชาติเยอรมนี เพราะก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1904 โดยมีที่มาจากพนักงานและเจ้าหน้าที่ บริษัท ฟรีดีช ไบเออร์ แอนด์ โค บริษัทผลิตเวชภัณฑ์ชั้นนำ ทำกิจกรรมกีฬายามว่างกัน โดยกีฬาแรกของสโมสรนั้นเป็นยัง “ยิมนาสติก” และเปิดให้บุคคลภายนอกบริษัทเข้ามาเป็นสมาชิกได้
ก่อนที่ปี 1907 สโมสรจะเริ่มนำ “ฟุตบอล” เข้ามาสันทนาการมากยิ่งขึ้น ทั้งยังมีการออกแบบชุดแข่งขัน เป็นสีดำสนิท ขลิบด้วยสีแดง และยังมีการนำสิงโต ซึ่งเป็นตราของบริษัทไบเออร์ มาติดไว้ที่อกข้างซ้าย ซึ่งรูปแบบเครื่องแบบนี้ ยังคงนำมาใช้กับชุดแข่งขันของสโมสร จนถึงปัจจุบัน
แน่นอน ในระยะที่ฟุตบอลยังเป็นเรื่องของ “สมัครเล่น” เลเวอร์คูเซนทำได้เพียงเตะฟุตบอลเพื่อสันทนาการ กระทั่งการมาถึงของ “ฟุตบอลอาชีพ” ของเยอรมนีในช่วง 1960s พลพรรคห้างขายยาก็ยังวนเวียนอยู่แต่ในระดับลีกล่าง ๆ ของประเทศ ได้แต่นั่งชะเง้อมองเพื่อนบ้านใน “ภูมิภาคไรน์-รัวห์ร” อย่าง โคโลญจน์ และ โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค ประสบความสำเร็จ คว้าแชมป์ลีกสูงสุดเป็นว่าเล่น
แม้กระทั่ง การก้าวขึ้นมาในลีกสูงสุด ฤดูกาล 1979-80 ได้สำเร็จ แต่ทีมก็วนเวียน ๆ อยู่ท้ายตาราง จะตกชั้นอยู่รอมร่อ
แต่แล้ว “การสร้างตำนาน” ของพวกเขา เพิ่งจะมาเริ่มต้นในปลายคริสต์ทศวรรษ 1980s โดยพวกเขาโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ในการแข่งขัน “ยูฟา คัพ [ยูโรปา ลีก ณ ปัจจุบัน]” ฤดูกาล 1987-88 ถึงขนาดที่สามารถ “คว้าแชมป์” ได้แบบอัศจรรย์ใจ
ทั้งยังแจ้งเกิด “ตำนานเอเชีย” นามว่า ชา บ็อม กึน หรือ “ชาบูม” ศูนย์หน้าระดับปรากฏการณ์แห่งเกาหลีใต้ ที่ข้ามน้ำข้ามทะเลจากเกาหลีใต้ มาอยู่กับดรัมสตัด ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต ก่อนหน้านี้ ได้อีกด้วย โดยเขารับใช้อาภรณ์ ดำ-แดง นานถึง 7 ฤดูกาลด้วยกัน
และนั่น ก็คือความสำเร็จของทีม “ครั้งแรก” กระนั้น เวลาฮันนีมูนย่อมไม่นาน เพราะในยุคต่อมา พวกเขาจะเข้าสู่ช่วง “รองช้ำ” อย่างเต็มสตรีม
ทริปเปิ้ลรองแชมป์ ทริปเปิ้ลระทม
เลเวอร์คูเซนกลับมาอยู่ในจุดที่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ อีกครั้งในยุค 1990s ต่อไปต้น 2000s กระนั้น พวกเขาก็ได้ค้นพบเพชรเม็ดงามเข้าให้ โดยเป็นกองกลางระดับพรสวรรค์ ที่มีชื่อว่า “มิชาเอล บัลลัค” พร้อมทั้งประสานพลังกับ 2 แข้งนำเข้าจากบราซิล นามว่า “ลูซิโอ” และ “เซ โรแบร์โต” ทีมก็พลิกฟื้นขึ้นมา “ผงาดง้ำ” ได้อย่างน่าทึ่ง
โดยเฉพาะ ในฤดูกาล 2001-02 ที่พลพรรคห้างขายยา ได้เข้าชิงชนะเลิศถึง “3 รายการเมเจอร์” ด้วยกัน นั่นคือ ได้ลุ้นแชมป์บุนเดสลีกา [ลีกสูงสุด] ลุ้นแชมป์เดเอฟเบ โพคาล [ฟุตบอลถ้วยในประเทศ] และยูฟา แชมเปี้ยนส์ ลีก [ฟุตบอลถ้วยทวีป]
แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะเลเวอร์คูเซน “พลาดแชมป์” ทั้งหมด ทั้งการพ่ายแพ้โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในบุนเดสลีกา การพ่ายแพ้แฮร์ธา เบอร์ลิน ในเดเอฟเบ โพคาล และการพ่ายแพ้ เรอัล มาดริด ในยูฟา แชมเปี้ยนส์ ลีก (จริง ๆ หากนับฟุตบอลลีกาโพคาล ซึ่งเป็นฟุตบอลการกุศล จะเป็น 4 รองแชมป์)
หายนะที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ทีมถึงขนาดที่ได้รับฉายาแบบติดตลกว่า “Neverkusen” จากแฟนบอลทีมอื่น ๆ ที่สื่อความว่า “เป็นสโมสรแห่งความมือเปล่า” จากประวัติศาสตร์มาโดยตลอด เลยทีเดียว
เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อฤดูกาล 2010-11 ที่สโมสรจบรองแชมป์บุนเดสลีกา อีกครั้ง โดยพ่ายแพ้ให้กับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทีมเดิม ก็ยังไม่วายที่ผู้คนจะหยิบยก Neverkusen ขึ้นมาถ่มถุยเสียยับเยิน
ก่อนที่ “ประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำ ประวัติศาสตร์จะต้องเปลี่ยน” จะได้เกิดขึ้นอย่างเหลือเชื่อ ในอีก 13 ปีต่อมา
120 ปีที่รอคอย
ในช่วงที่ “ชาบี อลอนโซ” รับงานคุมทัพเลเวอร์คูเซนแรก ๆ ในฤดูกาล 2022-23 นับว่าเป็น “เผือกร้อน” อย่างมาก เพราะฟอร์มการเล่นไม่เอาอ่าว และสุ่มเสี่ยงที่จะตกชั้น
ณ ช่วงเวลานั้น หาได้ยากยิ่งที่จะมีใคร “มั่นใจ” ในฝีมือของอลอนโซ ผู้ที่ไม่เคยคุมสโมสรชุดใหญ่มาก่อนเลยในชีวิต
แต่บทความของ “คุณวิศรุต หล่าสกุล” ที่ชื่อ ชาบี อลอนโซ่ : คุณชายลูกหนัง กับการคืนชีพ “ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน” ได้ให้ข้อเสนอที่ “สวนทาง” อย่างมาก ว่าแท้จริง อลอนโซ อาจจะมี “ศักยภาพ” ที่จะพาเลเวอร์คูเซนบินสูงได้
และไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะในฤดูกาลถัดมา เลเวอร์คูเซน สามารถที่จะทำผลงานได้แบบ “เหลือจะเชื่อ” อย่างแท้จริง
จนถึงบัดนี้ [17 เมษายน 2024] สโมสรยังคงทำสถิติ “ไร้พ่าย” โดยในบุนเดสลีกา คว้าแชมป์ไปเรียบร้อยแล้ว จากผลงาน ชนะ 25 เสมอ 4 มี 79 คะแนน และเป็นการ “หยุดสถิติ การคว้าแชมป์บุนเดสลีกา 11 ฤดูกาลรวด” ของบาเยิร์น มิวนิค ได้เป็นผลสำเร็จ
ทั้งยังทำสถิติไร้พ่ายรวมทุกรายการไปถึง “43 แมทช์” เลยทีเดียว
“วันนี้โคตรพิเศษสำหรับเรา … พวกเราเป็นแชมป์ จะให้ผมกล่าวอะไรไปมากกว่านี้ได้อีกหรือ” เยเรมี ฟริมปง วิงแบ็คสุดเนื้อหอมของทีมกล่าว
เมื่อมาถึงตรงนี้ จะเห็นได้ว่า บางที “เก่ง + เฮง” อาจจะเป็น “สูตรสำเร็จ” ในการที่จะประสบความสำเร็จในทุกวงการ ก็เป็นได้
Exclusive by วิศรุต หล่าสกุล
แหล่งอ้างอิง
https://mainstand.co.th/th/features/5/article/3653
https://www.bundesliga.com/en/bundesliga/news/bayer-leverkusen-nickname-neverkusen-history-story-xabi-alonso-26923
https://www.bayer04.de/en-us/page/history/founding-years-to-the-new-millennium/early-years#gen_AreaNavigationSection1
https://www.bayer04.de/en-us/news/bayer04/history-fascinating-journey-into-our-past
https://totalfootballanalysis.com/article/bayer-leverkusen-2023-24-tactical-analysis-tactics
ข่าวแนะนำ