ร้านบุพเฟ่ต์ทะเลร้องไห้! 2 ยายแอบซ่อนปู-กุ้งกลับบ้าน 4 กิโล วอนเห็นใจอย่าทำ
ร้านบุพเฟ่ต์ทะเลโพสต์เตือนผู้ประกอบการหลังเจอยาย 2 คนแอบนำกล่องซ่อนปู-กุ้งหวังนำกลับบ้าน วอนลูกค้าเห็นใจกันบ้าง
วันนี้ ( 20 ธ.ค. 64 ) นับว่าเป็นปัญหาที่น่าปวดหัวของผู้ประกอบการร้านอาหารประเภทบุพเฟ่ต์เลยทีเดียวหลัง ร้านบุพเฟ่ต์ร้านอาหารทะเลดังย่านสมุทรปราการ ได้แชร์เรื่องราวของลูกค้า 2 รายที่แอบเอากล่องมาใส่อาหารทะเลหวังจะนำกลับไปรับประทานที่บ้านเป็นปูทะเล 2 กิโลกรัม และ กุ้งอีก 2 กิโลกรัม ซึ่งร้านได้เล่าเรื่องผ่านเฟซบุ๊กไว้ดังนี้
“ เตือนภัย!! ผู้ประกอบการ ร้านบุฟเฟ่ต์
คุณยาย ทั้งสอง ไม่น่าทำแบบนี้เลย วันนี้ คุณยายทั้งสอง มาทานร้านเราอีกครั้ง เราก็ดีใจที่คุณยายมาทานบ่อย ไม่เคยคิดที่จะจับตามอง เพราะคิดว่า คุณยายชอบทานอาหารทะเล แต่แล้วความจริงก็ปรากฏ คุณยายขโมย ของเรากลับบ้าน เป็นจำนวนมาก โดยเตรียมกล่อง มาจากบ้านอย่างดี เอากลับเยอะจนคุณลูกค้าหลายโต๊ะ สงสารร้าน มากระซิบบอก เราจึงแอบดูกล้องวงจร แล้วจริงด้วย
ทางร้านตกใจมาก ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ไม่อยากเรียกตำรวจ ตัดสินใจเดินไปบอกให้หยุด คุณยายออกอาการโมโหใส่ แล้วอ้างว่า ท้องเสีย จะเอากลับไปกินที่บ้าน แต่คุณยายนั่งนานและไม่เห็นมีอาการท้องเสียแต่อย่างใด รู้สึกเสียใจมาก อย่าไปทำแบบนี้ กับร้านไหนอีกนะคะ
สุดท้าย ทางร้านก็ไม่ได้ดำเนินคดี และ คุณยายก็รีบเดินออกหนีออกไป ขอบคุณคุณลูกค้าทุกท่านที่มากระซิบบอก ทางร้านพยายามไม่จับตาดูอยากให้ลูกค้านั่งทานแบบสบาย ต่อไปขออนุญาติตรวจกระเป๋าแล้วแหละค่ะ(ล้อเล่น)”
ด้านชาวเน็ตต่างเข้ามาตำหนิคุณยาย 2 ท่าน ว่าควรจะเห็นอกเห็นใจร้านบ้างเนื่องจากเป็นบุพเฟ่ต์ ไม่จำกัดเวลาต้นทุนสูงกำไรน้อยไม่ควรจะเอาเปรียบกัน บางรายแนะนำให้แจ้งตำรวจเพื่อลงโทษให้หลาบจำไม่ได้ไม่ไปทำพฤติกรรมแบบนี้อีกในอนาคต
ล่าสุดผู้สื่อข่าวเเดินทางไปที่ร้านบุพเฟ่ต์ซีฟู้ดดังกล่าวใน จังหวัดสมุทรปราการ เราไปพูดคุยกับทางเจ้าของร้าน ชื่อคุณ สิริภพ สถาพร พานักข่าวเราไปดูโต๊ะที่คุณยายสองท่านมานั่งทานในร้านแล้วก่อเหตุแอบโกยปูและกุ้งใส่พาชนะที่เขาเตรียมมา โดยคุณสิริภพ บอกว่าจากการสอบถามพนักงานของทางร้านทราบว่าสองคุณยายเข้ามาใช้บริการตั้งแต่บ่ายโมงจนกระทั่งถึงเวลา17.30น. มีลูกค้าหลายคนเดินมาบอกว่าพบโต๊ะคุณยายแอบนำปูและกุ้งใส่กระเป๋าจำนวนมาก พี่ชายตนเองจึงเปิดกล้องวงจรปิดดูพฤติกรรมของสองคุณยายพบว่ามีพฤติกรรมดังกล่าวจริงพี่ชายจึงเฝ้าสังเกตการณ์ผ่านทางกล้องวงจรปิดต่อเนื่องนานเกือบชั่วโมงจากนั้นทางร้านจึงปรึกษากันและตัดสินใจเดินไปพูดคุยและตรวจสอบที่โต๊ะคุณยายทั้งสอง และเมื่อเปิดถุงและกระเป๋าดูถึงกับตกใจกับปริมาณปูและกุ้งจำนวนมากที่สองคุณยายแอบโกยกลับบ้าน
ด้านภรรยาของทางเจ้าของร้าน ซึ่งเป็นคนที่เดินไปพูดคุยกับทางคุณยาย เล่าให้นักข่าวฟังว่า พอเดินไปถึง ตนเองก็ยกมือไหว้คุณยายทั้งสอง แล้วแจ้งว่าพอดีทางร้านดูกล้องวงจรปิดเห็นว่าคุณยายเหมือนเอาของเตรียมกลับบ้าน ทางเราของตรวจสอบหน่อยว่าเอาอะไรไปบ้าง แต่คุณยายกับมีอารมณ์ฉุนเฉียวเมื่อถูกจับได้และพยามบอกว่าจะขอเคลียร์เองจะเอากลับไปคืนไว้ที่เดิม ซึ่งตนเองก็อธิบายว่าไม่สามารถทำได้เนื่องจากมีการหยิบจับอาหารแล้วจะไม่ปลอดภัยกับลูกค้าท่านอื่น
จนกระทั่งสามีเดินทางมาถึงร้านจึงมาช่วยตรวจสอบพอเห็นของก็ถึงกับตกใจ และสิ่งที่คาดไม่ถึงคือ พบว่าคุณยายทั้งสองเตรียมตัวมาโกยอย่างดี ทั้งกระเป๋าล้อราก กระเป๋าถือ ถุงพาสติก กล่องพาสติก นอกจากนั้นยังมีถังและแก้วที่เตรียมมาใส่น้ำแข็งของทางร้านเพื่อเตรียมไว้ฟิตแช่แข็งกุ้งและปูที่เตรียมเอากลับด้วย จากการตรวจสอบพบว่ามีความชำนาญในการซุกซ่อนและใช้วิธีการที่จะเอาปูและกุ้งใส่กล่องด้วยการตัดกร้ามกุ้งตัดขาออก
ทั้งนี้ตนเองไม่ได้แจ้งความเอาเรื่องคุณยายแต่อย่างใด แต่ที่ออกมาเผยแพร่เรื่องดังกล่าวเพื่อไม่อยากให้สองคุณยายไปทำร้านไหนอีก รวมถึงลูกค้าท่านอื่นที่คิดจะทำหรือเคยทำกับร้านบุฟเฟ่ ในลักษณะเช่นนี้ไม่ว่าจะร้านตนเองหรือร้านไหน ก็ขอให้เห็นใจทางร้านบ้าง โดยเฉพาะที่ร้านจะเน้นของสดใหม่ทุกวันจึงทำให้ต้นทุนค่อนข้างสูง เมื่อทางร้านให้ใจกับทางลูกค้าได้ทานของดีมีคุณภาพและสมกับราคาแล้วลูกค้าก็ควรให้ใจกับทางร้านด้วยเช่นกันด้วยการไม่แอบโกยอาหารกลับบ้านหรือทานเหลือในปริมาณจำนวนมาก
ข้อมูลจาก : กิ่งแก้ว ซีฟู๊ด
ภาพจาก : กิ่งแก้ว ซีฟู๊ด