TNN สื่อไต้หวันตีข่าว "พิพิธภัณฑ์ศิริราช" ที่หนึ่งความหลอน โชว์ศพจริง

TNN

Social Talk

สื่อไต้หวันตีข่าว "พิพิธภัณฑ์ศิริราช" ที่หนึ่งความหลอน โชว์ศพจริง

สื่อไต้หวันตีข่าว พิพิธภัณฑ์ศิริราช ที่หนึ่งความหลอน โชว์ศพจริง

เว็บไซต์สื่อไต้หวัน หลายสำนักได้นำเสนอข่าว “พิพิธภัณฑ์การแพทย์ศิริราช” หรือ “พิพิธภัณฑ์แห่งความตาย” จากประเทศไทย ที่ชาวเน็ตหลายคนยกให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่น่าสะพรึงกลัวที่สุด เพราะโชว์ศพจริง


เรื่องราวเริ่มต้นจาก เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา พิพิธภัณฑ์ศิลปะไถหนาน ของไต้หวันได้จัดนิทรรศการแสดงเกี่ยวกับภูติผีและวิญญาณแห่งเอเชีย ทันทีที่เปิดให้เข้าชม นิทรรศการก็ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม 

อย่างไรก็ตาม ชาวไต้หวันหลายคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่า พิพิธภัณฑ์การแพทย์ศิริราช ของไทยนั้นน่ากลัวกว่ามากที่สุด

สื่อไต้หวันตีข่าว พิพิธภัณฑ์ศิริราช ที่หนึ่งความหลอน โชว์ศพจริง

โดยพิพิธภัณฑ์การแพทย์ศิริราช จัดแสดงนิทรรศการของแต่ละภาควิชาเพื่อใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ของนักศึกษาแพทย์และเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชม ประกอบด้วยพิพิธภัณฑ์การแพทย์ 6 แห่ง 

หนึ่งในการกล่าวขานคือ “พิพิธภัณฑ์นิติเวชศาสตร์ สงกรานต์ นิยมเสน” ที่รวบรวมวัตถุพยานจากคดีที่สิ้นสุดจำนวนมาก รวมถึงซากศพของนักโทษประหารก็ถูกนำมาจัดโชว์ในพิพิธภัณฑ์นี้ด้วย

สื่อไต้หวันตีข่าว พิพิธภัณฑ์ศิริราช ที่หนึ่งความหลอน โชว์ศพจริง

ตัวอย่างที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ “นายซีอุย” เป็นชายชาวจีนที่อพยพเข้ามาทำงานในประเทศไทยในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ต.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตามคำกล่าวอ้าง นายซีอุยมีร่างกายซูบผอมจึงมักถูกรังแกอยู่เสมอ 

สื่อไต้หวันตีข่าว พิพิธภัณฑ์ศิริราช ที่หนึ่งความหลอน โชว์ศพจริง

จนกระทั่งได้พบนักบวชคนหนึ่งบอกว่า ถ้าเอาหัวใจและตับของคนมากินจะทำให้ฮึกเหิมมีกำลัง หลังจากนั้น ซีอุยก็ได้สังหารเหยื่อไปหลายคนเพื่อทานเครื่องใน

จนในที่สุดนายซีอุย ก็ถูกตำรวจจับกุมและถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าเมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2502 นับเป็นการปิดฉากคดีสะเทือนขวัญที่สุดของชาวไทย ซึ่งหลังจากเสียชีวิตร่างของเขาถูกนำมาจัดแสดงเพื่อเป็นวิทยาทานให้เกิดการเรียนรู้ทางนิติเวชศาสตร์

อย่างไรก็ตาม ในปี 2562 ได้มีการยกเลิกการจัดแสดงร่างของนายซีอุยและนำออกจากพิพิธภัณฑ์ เนื่องจากอาจเข้าข่ายหมิ่นประมาทและละเมิดสิทธิของผู้เสียชีวิต 

อีกทั้งนักสิทธิมนุษยชนยังพบว่าการพิจารณาคดีของซีอุยนั้นเต็มไปด้วยข้อสงสัย จึงเรียกร้องให้มีการจัดพิธีฌาปนกิจศพของซีอุย ถือเป็นการปิดตำนานชายผู้ที่ถูกสังคมกล่าวหาว่าเป็น “มนุษย์กินคน”